
เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนพฤษภาคมผืนดินริมโขง กลิ่นอายแห่งฤดูฝนก็เริ่มโอบล้อมชีวิตผู้คนในจังหวัดนครพนม โดยเฉพาะตลาดนัดชายแดนไทย-ลาว ที่กลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ตลาดนัดที่ว่ากลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของทั้งชาวบ้าน นักท่องเที่ยว และนักล่าอาหารหายาก ที่มุ่งหน้ามาตามหาของป่าพื้นถิ่นจากสองฝั่งแม่น้ำโขง
หนึ่งในแหล่งยอดนิยม คือ ตลาดนัดตามแนวชายแดนในพื้นที่ อ.ธาตุพนม และ อ.ท่าอุเทน ซึ่งเปิดทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี ส่วนตลาดบ้านหนาด ต.บ้านกลาง อ.เมือง เปิดให้จับจ่ายทุกวันอังคาร โดยแต่ละแห่งจะเริ่มเปิดขายตั้งแต่ช่วงเช้าเรื่อยไปจนถึงบ่าย เรียกได้ว่าเป็นจังหวะเวลาทองของนักช้อปและนักชิมที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์แห่งอาหารพื้นถิ่นอย่างแท้จริง

สิ่งที่ทำให้ตลาดเหล่านี้โดดเด่นไม่ใช่เพียงแค่ความคึกคักของผู้คน แต่เป็นสินค้าหายากในฤดูฝนที่ส่งตรงจากเพื่อนบ้าน สปป.ลาว และจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในฝั่งไทย ไม่ว่าจะเป็น “มวนลำไย” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “แมงแคง” จานละ 100 บาท นิยมนำไปคั่วกับเกลือหรือใส่แจ่วให้ได้รสจัดจ้านแบบอีสานแท้ ๆ หรือเห็ดป่าหลากชนิด เช่น เห็ดดิน เห็ดผึ้ง เห็ดก่อ และเห็ดระโงก ที่ขายเป็นจานในราคา 100 บาท เหมาะสำหรับนำไปทำเป็นเมนูแกงเห็ดใส่ผักติ้วหอมกรุ่นชวนลิ้มลอง



ส่วน “เห็ดเผาะ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เห็ดถอบ” ก็เป็นอีกหนึ่งของโปรดที่ใครเห็นก็ต้องซื้อ โดยราคาต่อกิโลกรัมอยู่ที่ประมาณ 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและชนิด นอกจากนี้ยังมี “อึ่งอ่าง” สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่นิยมรับประทานกันในภาคอีสาน ราคากิโลกรัมละ 300-400 บาท ถือเป็นอาหารหายากที่คนรักของป่าตามหากันในช่วงฤดูฝน


ไม่เพียงของป่าจากพื้นดิน แม่น้ำโขงยังมอบความอุดมสมบูรณ์ด้วยปลาน้ำจืดหลากชนิดที่หาได้เฉพาะในฤดูนี้เท่านั้น เช่น ปลาโจก ราคากิโลกรัมละ 100-150 บาท ปลาหลด 200-250 บาท ปลารากกล้วย 250 บาท และปลาเผาะ 100 บาท ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปลาน้ำโขงแท้ที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อแน่น รสหวาน และความสดใหม่จากธรรมชาติ




ตลาดนัดไทย-ลาว ในนครพนม ช่วงหน้าฝนจึงไม่ใช่แค่พื้นที่ค้าขาย แต่ยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่นระหว่างสองฝั่งโขง ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน และเปิดประสบการณ์ให้กับผู้มาเยือนได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งบรรยากาศของตลาดในช่วงเช้าอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารพื้นบ้าน กลุ่มแม่ค้าแต่งชุดพื้นเมืองยืนเรียกลูกค้าหน้าร้านด้วยภาษาถิ่นอย่างเป็นกันเอง ขณะที่ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวลาวเดินเลือกซื้อสินค้าแบบไม่ขาดสาย บางรายหิ้วตะกร้าใส่เห็ดป่า บางรายต่อรองราคาปลาน้ำโขงอย่างคึกคัก เสียงพูดคุยหัวเราะทักทายกันข้ามฝั่งแม่น้ำกลายเป็นภาพที่อบอุ่นและหาดูได้ยากในยุคปัจจุบัน





ความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่ยังคงเชื่อมโยงกับธรรมชาติ หากยังเป็นภาพสะท้อนของชุมชนชายแดนที่พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างกลมกลืน และเป็นจุดแข็งของนครพนมที่สามารถผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอาหารได้อย่างยั่งยืน
สำหรับใครที่กำลังมองหาปลายทางท่องเที่ยวในฤดูฝน จ.นครพนม คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม ตลาดนัดเหล่านี้รอให้ทุกคนมาเดิน ชิม ช้อป และสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ที่ธรรมชาติได้มอบให้แบบสด ๆ จากป่าเขาและแม่น้ำโขง
ภาพ/บทความ : นครพนมโฟกัส