ไฟไหม้โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรม บริษัท วินโพรเสส จำกัด แม้จะเข้าสู่วันที่ 5 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะยังไม่จบลงง่าย ๆ เพราะข้อมูลและคลิปวิดีโอที่มูลนิธิบูรณะนิเวศได้รับมาจากชาวบ้านสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้า สภาพอากาศในพื้นที่มองไปทางไหนก็มีแต่หมอกควันสีขาว รวมถึงบางจุดยังมีควันหนาพุ่งขึ้นมาจากกองไฟที่ถูกดับไปแล้วก่อนหน้านี้
เหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายหนัก ซึ่งไม่ใช่แค่ด้านทรัพย์สิน แต่เป็นความอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในย่านนั้นด้วย ชวนย้อนดูเหตุการณ์ความรุนแรงของเหตุการณ์ที่มูลนิธิบูรณะนิเวศได้รายงานไว้ ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้
ภาพจากชาวบ้านหนองพะวา
– 22 เมษายน 67 –
เวลา 8.00-9.00 น
ชาวบ้านในพื้นที่ได้ยินเสียงระเบิดดังออกมาจากโรงงานรีไซเคิลของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา หมู่ที่ 4 ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง ซึ่งภายในโรงงานมีกากเคมี” กองมหึมาที่ถูกทิ้งตกค้างไว้ จากนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะเป็นเครื่องยืนยันว่านี่ไม่ใช่ไฟไหม้ปกติ แต่นี่คือฝันร้ายสำหรับชาวหนองพะวา
ภาพจากกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์หนองพะวา
แต่มากไปกว่า ไฟไหม้ครั้งนี้คงจะช่วยแก้โจทย์ยากแสนยากที่หลายฝ่ายกำลังเผชิญและปวดหัวมาข้ามปีแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัท วิน โพรเสสฯ ต้องเลิกประกอบกิจการไป หลังจากศาลระยองได้มีคำพิพากษาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2564 ว่า โรงงานมีความผิดทางอาญาฐานครอบครองวัตถุอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาต
ช่วงปลายปี 2565 ศาลระยองยังได้มีคำพิพากษาคดีแพ่งที่ประชาชนในพื้นที่ยื่นฟ้องโรงงาน โดยให้จำเลยคือ บริษัทวิน โพรเสสฯ กรรมการ และอดีตกรรมการ ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดแก่ประชาชนในพื้นที่และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
แต่สิ่งเดียวที่จำเลยทั้งสามทำ ก็คือการทิ้งพื้นที่ซึ่งพ่วงด้วยซากโรงงานที่เต็มไปด้วยกองกากสารเคมีอันตรายสารพัดชนิด ครบทั้งของเหลว ของหนืด ของแข็ง เถ้า ฯลฯ
ในขณะที่ตัวที่ดินและซากโรงงานตกเป็นทรัพย์สินของธนาคาร แต่กองกากสารเคมีอันตรายทั้งหมดกลายเป็นมรดกแก่คนพื้นที่ เพิ่มเติมจากที่เคยมอบมลพิษแผ่กระจายไปยังที่ดินของชาวบ้าน จนสวนยางขนาด 30 ไร่ของบางคนล้มหายไป เหลือไว้แต่ผืนดินกับแหล่งน้ำสีส้มที่มีความเป็นกรดสูงจนแทบจะปลูกอะไรไม่ได้
แต่ธนาคารก็ปวดหัวเช่นกัน เพราะที่ดินย่อมจะแทบไม่มีราคาและใช้การไม่ได้ ตราบเท่าที่ยังมีกองกากเหล่านั้นกองค้างอยู่ ส่วนสิ่งปลูกสร้างก็มีมูลค่าไม่มาก เพราะนับวันมีแต่ผุพัง
นอกจากนั้น กองกากยังกลายเป็นภาระให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องหาหนทางจัดการ ซึ่งเวลาผ่านมาหลายปีแทบไม่มีความคืบหน้าใด แต่ในที่สุด ราวปีเศษที่ผ่านมา กรมโรงงานอุตสาหกรรมต้องดึงงบประมาณจากภาษีคนไทยทั่วไป มาใช้จ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเข้าบำบัดกากอันตรายบางส่วน.
เหตุการณ์นี้คงทำให้หลายฝ่ายมีภาระน้อยลง ยกเว้นก็แต่คนในพื้นที่กับสาธารณชน ที่จำต้องเล่นบทคนแบกรับความเจ็บปวดเช่นเคย
มูลนิธิบูรณะนิเวศเปิดให้ดูกันจะ ๆ ว่า นี่อะไรคือสิ่งที่กำลังจมในกองเพลิงเคมี
ภาพโดย ธันยาภัทร์ ดอกผล มูลนิธิบูรณะนิเวศ
เหล่านี้คือกากสารเคมีที่อยู่ภายในและภายนอกอาคารโกดังที่ 4-5 ของโรงงานรีไซเคิลของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา หมู่ที่ 4 ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง จากภาพที่ถ่ายเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 จะเห็นได้ว่าภายในโกดังเต็มไปด้วยกองกากสารเคมีจำนวนมากที่ทางบริษัทฯ ทิ้งไว้หลังเลิกประกอบกิจการ โดยไม่มาตรการด้านความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น
เวลา 13.30 น.
เพลิงไหม้สารเคมียังไม่มีทีท่าจะดับลงง่ายๆ พร้อมทั้งมีการระเบิดของสารเคมีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันปกคลุมไปทั่วในบริเวณรัศมี 10 กิโลเมตร
ภาพจากกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์หนองพะวา
เวลาประมาณ 16.00 น.
มีรายงานข่าวจากพื้นที่ว่า ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงเคมีที่โรงงานบริษัท วิน โพเสสฯ ต. หนองพะวา อ. บ้านค่าย จ. ระยอง ได้ การลุกไหม้ลามต่อเนื่องกินวงกว้างทั่วบริเวณโรงงานแล้ว
ชาวบ้านที่ติดตามปัญหาผลกระทบของกรณีนี้มาต่อเนื่องยาวนาน ประเมินว่า การดับเพลิงคงไม่เป็นผล จนกว่าไฟจะเผาผลาญกากของเสียอันตรายภายในโรงงานหมดลง ซึ่งจนถึงขณะนี้คาดว่าเผาไปใกล้หมดสิ้นแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาในการทยอยดับ และควันยังดำมาก
ภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
เวลาประมาณ 17.00 น.
เพลิงเคมีที่โรงงานของบริษัทวิน โพรเสสฯ ที่หนองพะวา อ. บ้านค่าย จ. ระยอง เริ่มเข้าสู่ความสงบ หลังจากลุกไหม้มาตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนเวลา 9.00 น.
นั่นหมายถึงกากของเสียอันตรายปริมาณมหาศาลที่กองค้างอยู่ภายในโรงงาน ทั้งภายในและภายนอกอาคารต่างๆ มายาวนานหลายปี น่าจะมอดไปเกือบหมดแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าต้องแลกกับการเจ็บป่วยของผู้คนจำนวนเท่าไร สภาพแวดล้อมเสียหายเพียงใด ทั้งหมดเป็นปัญหาที่กระทบคนส่วนใหญ่
ภาพเหตุการณ์โดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
เวลาประมาณ 19.00 น.
หลายจุดภายในโรงงานบริษัทวิน โพรเสสฯ ที่หนองพะวา อ. บ้านค่าย จ. ระยอง ยังมีไฟไหม้อยู่ และยังมีกากสารเคมีหลายส่วนหลงเหลือ
ประกอบกับจากคำพูดของรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายกัฬชัย เทพวรชัย ที่ว่ายังไม่สามารถระบุได้ว่าจะควบคุมเพลิงในวันนี้ได้หรือไม่ เพราะภายในโรงงานมีวัสดุที่เป็นเชื้อไฟจำนวนมาก
สอดคล้องกับการประเมินของชาวบ้านในพื้นที่ อนันต์ ประกอบสุข ผู้มีที่ดินอยู่ติดกับโรงงาน ซึ่งให้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ของเราว่า เขาคาดว่าคืนนี้คงจะไม่ได้นอน เพราะเมื่อความกดอากาศต่ำ ควันไฟย่อมจะย้อนกลับมา และที่กังวลที่สุดคือ หลังจากนี้ หากมีฝนตก กากหรือซากกากที่ยังตกค้างจะยิ่งแผ่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม เพราะหลังคาอาคารไม่เหลือแล้ว
ภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
– 23 เมษายน 2567 –
เวลาประมาณ 8.00 น.
สถานการณ์วันนี้สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่ยังคงเหลือบางจุดที่มีความร้อนระอุและส่งควันลอยออกมา กากสารพิษมีคงเหลือให้เห็นบ้าง
ภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
เวลาประมาณ 13.00 น.
ปรากฏกลุ่มควันไฟปะทุขึ้นอีกครั้ง ด้านในโรงงานฝั่งที่ใกล้กับสวนของเทียบ สมานมิตร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงต้องระดมกำลังเข้าระงับเหตุ
บุญเลิศ ชัยวัง กู้ภัยสว่างพรจุดตั้งค่าย จ.ระยอง ให้สัมภาษณ์ว่า ในการดับไฟต้องใช้โฟมเท่านั้น
ภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
เวลาประมาณ 18.00 น.
บริเวณโกดัง 5 ภายในโรงงานบริษัทวิน โพรเสสฯ บ้านหนองพะวา ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง
มีความพยายามใช้รถแบกโฮเข้าเกลี่ยกองกากสารพิษที่ยังระอุภายใน จนในที่สุดจึงเกิดเปลวลุกโชนอีกระลอก ซึ่งยังคงพยายามหาทางดับกันอยู่ในขณะนี้
ภาพจากกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์หนองพะวา
เวลาประมาณ 22.00 น.
ไฟยังคงลุกไหม้ที่บริเวณโกดัง 5 โรงงานบริษัทวิน โพรเสสฯ บ้านหนองพะวา ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ.ระยอง
ภาพจากกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์หนองพะวา
– 24 เมษายน 2567 –
พิษเพลิงเคมียังลุกไหม้ แม้เข้าสู่วันที่ 3 แล้ว บริเวณโกดัง 5 ภายในโรงงานบริษัทวิน โพรเสสฯ บ้านหนองพะวา ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สุดของโรงงานแห่งนี้ และมีกองถังแกลลอนขนาดสองร้อยลิตรจำนวนมากกองทับซ้อนกัน เกิดเหตุปะทุลุกขึ้นมาอีกตั้งแต่ช่วงเย็น วันที่ 23 เมษายน 2567
จากการสัมภาษณ์ ประเสริฐ เหนือแสน ชุดดับเพลิงที่มาจากจันทบุรี เล่าว่า เมื่อคืนสามารถดับไฟโกดัง 5 นี้ได้แล้วในช่วงค่ำ หลังจากที่ได้ระดมฉีดน้ำเข้าไปลดความร้อนของกองเชื้อเพลิงด้านล่าง แล้วฉีดโฟมคลุมด้านบนกันอากาศเข้า
อย่างไรก็ตาม ต่อมาในช่วงก่อนรุ่งเช้าได้รับรายงานว่า มีไฟปะทุขึ้นมาอีกและยังคงเผาไหม้จนถึงเช้านี้
ประเสริฐระบุว่า ในแง่ขอบเขตของไฟไหม้เท่ากับจำกัดวงได้แล้ว ขณะนี้เหลือเพียงจุดของโกดัง 5 เท่านั้น จะไม่มีการลุกลามออกไปนอกบริเวณโกดัง 5 นี้ เนื่องจากเป็นจุดที่มีเชื้อเพลิงคงเหลือจำนวนมาก และมีความร้อนอยู่ด้านล่าง อันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แม่ดับเปลวไฟด้านบนได้ แต่ก็อาจเกิดการกลับมาปะทุอีก
อย่างไรก็ตาม ประเสริฐยอมรับว่า นี่เท่ากับยังหยุดการปลดปล่อยมลพิษไม่ได้ เนื่องจากควันจะยังคงออกมา แม้ในช่วงไม่มีเปลวไฟ
ภาพโดย นราธิป ทองถนอม มูลนิธิบูรณะนิเวศ
ทีมเจ้าหน้าที่เทคนิคมูลนิธิบูรณะนิเวศลงพื้นที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารอันตรายของบริษัท วิน โพรเสสฯ ที่บ้านหนองพะวา ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง เพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศตั้งแต่เมื่อค่ำคืนวานนี้ (23 เมษายน 2567) จนถึงช่วงรุ่งเช้าวันนี้ (24 เมษายน 2567) พบอากาศหนองพะวาอาบ VOCs และรอบพื้นที่ไฟไหม้มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 1 – PM 10) สูงในพื้นที่รอบบริเวณไฟไหม้ รวมทั้งพบ VOCs หรือกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยปะปนในอากาศมีค่าสูงเกิน 200 ส่วนในพันล้านส่วน (ppb) ทุกจุดตรวจ ไม่เว้นแม้แต่ที่วัดหนองพะวา ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการเหตุการณ์ครั้งนี้
ดังนั้นจึงมีความหวั่นเกรงว่า สภาพอากาศดังกล่าวอาจสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโรงงานที่เกิดเหตุ เนื่องจากคุณภาพอากาศตามที่ตรวจวัดได้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังในระยะยาว
สำหรับอาการเฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ อาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เช่น ระคายจมูก แสบคอ คอแห้ง ไอ คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ และอาจมีอาการเวียนศีรษะ ผื่นคัน ภูมิแพ้
ส่วนผลกระทบระยะยาวนั้น เนื่องจาก VOCs มีสารเคมีบางชนิดที่เป็นสารก่อมะเร็ง มูลนิธิบูรณะนิเวศจึงขอเตือนและมีข้อแนะนำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 3 กิโลเมตรจากโรงงาน อพยพออกจากพื้นที่จนกว่ากองเพลิงจะมอดดับสนิท
ทั้งนี้สำหรับเจ้าหน้าที่และผู้มีจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม พึงตระหนักว่า หน้ากากอนามัยป้องกันโควิดไม่สามารถป้องกันมลพิษได้
ภาพและข้อมูล โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค มูลนิธิบูรณะนิเวศ
เวลาประมาณ 00.00 น.
เจ้าหน้าที่ระงับเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกักเก็บกากสารพิษของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง ตัดสินใจถอนกำลังออกจากพื้นที่ หลังพยายามดับไฟที่ยังคงปะทุออกเป็นระยะอย่างเต็มกำลัง
ในขณะที่ไฟใต้กองกากสารพิษยังคงปะทุขึ้นมาอีกอย่างไม่หยุดหย่อน กระทั่งทีมดับเพลิงเริ่มไม่แน่ใจว่า ควันที่พวยพุ่งออกมาจากซากกองกากโกดัง 5 มีที่มาจากการทำปฏิกิริยาของสารเคมีกับน้ำ หรือเป็นควันจากความร้อนที่ระอุอยู่ใต้กองกากอย่างที่คิดมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ในจุดระงับเหตุ ไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกำกับดูแล หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยเลย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงถึงกับต้องเข้ามาสอบถามทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศเกี่ยวกับวิธีรับมือสารเคมีที่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อทางเราไม่มีคำตอบ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงตัดสินใจถอนกำลัง ซึ่งเราเห็นด้วยอย่างยิ่งมิใช่เพราะไม่เห็นความสำคัญของการพยายามดับไฟ แต่เห็นว่าต้องใช้ความรู้มากกว่านี้
ภาพโดย เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ
– 25 เมษายน 2567 –
เวลาประมาณ 07.00 น.
เข้าสู่เช้าวันที่ 4 ของเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกักเก็บกากสารพิษของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง บริเวณโกดัง 5 ซึ่งเป็นอาคารใหญ่ที่สุดและมีกองสารเคมีหลายหลากชนิดกองทับสุมหนาแน่นยากแยกแยะ ยังคงปลดปล่อยควันลอยออกมาตลอดเวลา
ชาวบ้านในพื้นที่ส่งภาพถ่ายและคลิปให้ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง เนื่องจากพบว่า สภาพอากาศทั่วบริเวณหมู่ 1, 4 และ 8 ของบ้านหนองพะวาเต็มไปด้วยควันขาวปกคลุม ลอยต่ำ กระทั่งช่วงประมาณ 07.00 น. เป็นต้นมาจึงค่อยบรรเทาลง เนื่องจากควันยกระดับลอยสูงขึ้น และมีลมพัดแรงเป็นระลอก ทำให้ควันกระจายไปทางทิศเหนือ ทางด้านพื้นที่หมู่ 8 เป็นหลัก
เมื่อลมพัดมาแต่ละครั้ง จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นรุนแรงลักษณะเป็นก้อนๆ ขนาดใหญ่ ทางด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ซึ่งพัก ณ รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร ตื่นขึ้นมาพบกับสภาพการณ์เดียวกัน นั่นคือ รอบตัวเหมือนมีหมอกปกคลุม แต่ไม่โรแมนติก เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นรุนแรงในบรรยากาศ
เมื่อวัดคุณภาพอากาศ พบว่าระดับกลิ่นขึ้นไปสูงอยูในระดับมากว่า 5,000 ถึงเกือบ 10,000 ส่วนในพันล้านส่วน (ppb) ขณะที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (pm 1-10) อยู่ที่ประมาณ 100-150 ug/m3 และค่าสารอินทรีย์ระเหยง่ายรวม (VOCs) อยู่ที่กว่า 100 เกือบ 200 ppb
ดังนั้น ระดับห่าง 3 กิโลเมตร ก็ใช่จะปลอดภัย เมื่อกลับเข้าสู่พื้นที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (pm 1-10) สูงถึงระดับ 1,000 ug/m3 และพบว่า โกดัง 5 ยังปล่อยควันพิษออกมาอย่างต่อเนื่อง
ภาพถ่ายโดย กลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์หนองพะวา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ
เวลาประมาณ 13.00 น.
บริเวณโกดัง 5 ของโรงงานกักเก็บสารพิษ บริษัท วิน โพรเสสฯ ณ บ้านหนองพะวา ต. บางบุตร อ. บ้านค่าย จ. ระยอง มีสภาพคล้ายเตาต้มน้ำที่ส่งไอและควันลอยออกมาต่อเนื่อง
จากภาพใหญ่ภาพแรกจะเห็นว่า บริเวณดังกล่าวเป็นส่วนหลังของโรงงาน และเป็นอาคารที่ยาวที่สุด เดิมเป็นอาคารที่ทางโรงงานหวงแหนและปกปิด แม้มูลนิธิบูรณะนิเวศเราเกาะติดกรณีนี้มาหลายปี และมีโอกาสเข้าโรงงานพร้อมหน่วยงานราชการต่างๆ หลายครั้ง แต่เพิ่งได้โอกาส “เห็นภาพภายใน” ของโกดัง 5 เมื่อปลายปี 2566 หลังโรงงานถูกสั่งปิดแล้ว
ภาพถ่ายทางอากาศภาพใหญ่โดยไทยพีบีเอส
เวลาประมาณ 20.30 น.
ภาพจากไลน์กลุ่มคดีบ้านหนองพะวา
สิ่งที่ทีมดับเพลิงกำลังเผชิญในค่ำคืนนี้ ณ โกดัง 3 ของโรงงานรีไซเคิลบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา หมู่ที่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และเป็นอีกครั้งที่ “ไปไม่เป็น”
สะท้อนว่า ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมมิได้มีการให้ข้อมูลแก่ “คนหน้างาน” อย่างชัดเจนเพียงพอ ใช่หรือไม่ ทั้งๆ ที่มีข้อมูลอยู่แล้วว่า โกดัง 3 นี้ถ้าตามแผนผังของโรงงาน ก็คือที่เก็บถังน้ำกรดและน้ำเสีย โดยมีทั้งถังขนาด 200 ลิตรและ 1,000 ลิตร
แต่ในทางปฏิบัติจริงพบว่า โรงงานมีการนำเอาตะกรันอะลูมิเนียมหรือ Aluminium Dross มากองไว้ปริมาณมากด้วย ตะกรันอะลูมิเนียม คือของเสีย หรือกากอลูมิเนียมที่เกิดจากกระบวนการผลิตอะลูมิเนียมแท่ง และแปรรูปอะลูมิเนียม ความอันตรายของมันอยู่ที่การมีจุดวาบไฟต่ำ เมื่อถูกน้ำหรือความชื้น (หรือที่มีองค์ประกอบของไฮโดรเจน H2) จะก่อให้เกิดควันและกลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูกของก๊าซแอมโมเนีย ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อระบบหายใจ แสบตา และระคายเคืองต่อดวงตา
ทั้งหมดนี้คือเหตุการณ์ที่มูลนิธินิเวศได้บันทึกไว้ในช่วง 4-5 วันเกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรม และสารเคมีอันตราย “วิน โพรเสส” ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ยังคงไม่จบ ไม่สามารถนับมูลค่าความเสียหาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งในขณะนี้ และระยะยาวได้ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ทุกท่านสามารถติดตามได้ที่เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)