ในขณะที่บางพื้นที่ของพรมแดนไทยและกัมพูชาเกิดการตึงเครียด จากสถานการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจ แต่บางพื้นที่ก็ยังสามารถไปมาหาสู่ทำกิจกรรมที่ดีต่อกันเป็นปกติเช่นเคย อย่างเช่น พื้นที่รอยต่อของจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ประเทศไทย กับจุดผ่านแดนถาวรช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย สหราชอาณาจักรกัมพูชา ก็ยังเดินทางไปมาหาสู่และทำกิจกรรมร่วมกันด้วยดี
โดยช่วงนี้มีกิจกรรมการทำบุญผ้าป่าสามัคคีที่วัดตะโก อ.ตรอเปรียงปราสาท [ตะเปียงปราสาท] จ.อุดรมีชัย สหราชอาณากัมพูชา โดยมีการประสานและมีชาวไทยไปร่วมทำบุญร่วมกันด้วยดี ซึ่งทางตัวแทนฝั่งไทยได้นำไอศกรีม และอุปกรณ์ประกอบอาหารส้มตำ และขนมอีกจำนวนหนึ่งไปเพื่อประกอบอาหารที่ฝั่งกัมพูชาด้วยเลย
มารุต โสภานนท์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานเพื่อความมั่นคงไทย-กัมพูชา ประจำพื้นที่อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า พื้นที่ชายแดนของกัมพูชาที่ติดกับประเทศไทย มีเขตแนวยาวตามเทือกเขาพนมดงรักกั้นระหว่างสองประเทศ และพื้นที่อยู่ตรงกันข้ามกับอำเภอภูสิงห์ ประเทศไทยคือ อำเภออัลลองเวง อำเภอตรอเปรียงปราสาท [ตะเปียงปราสาท] จังหวัดอุดรมีชัย เรายังมีกิจกรรมและแจ้งบอกกันอยู่เสมอ ๆ และพระอาจารย์จากทางกัมพูชา แจ้งมาว่ามีกิจกรรมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดตะโก อ.ตรอเปรียงปราสาท [ตะเปียงปราสาท] จ.อุดรมีชัย ซึ่งมีสามเณรน้อยที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลอยู่ จึงได้แจ้งเชิญชวนฝั่งไทยไปร่วมทำบุญด้วยกัน
นิตยา วงค์ษา ชาวอำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ตัวแทนผู้ร่วมเดินทาง กล่าวว่า ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ถูกเชิญมาร่วมทำบุญที่ประเทศกัมพูชา เหมือนเป็นบ้านเกิดของตัวเองอีกที่หนึ่งเลย ได้เตรียมอุปกรณ์ไปตำส้มตำและนำขนมอีกจำนวนหนึ่งไปร่วมทำบุญกับพี่น้องทางฝั่งกัมพูชาด้วยค่ะ
เช่นเดียวกับ พิมลศิริ โพธิ์สังข์ ชาวอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เล่าว่า ดีใจมากที่ได้มาร่วมทำบุญที่กัมพูชา อยู่ที่ภูสิงห์ใกล้ๆ แค่นี้แต่ไม่ค่อยได้มาเลย น่าจะเป็น 10 กว่าปีแล้วที่มาครั้งก่อน รู้สึกบ้านเมืองเขาเจริญขึ้นมาก แต่ยังดูธรรมชาติกว่าบ้านเราพอสมควร วิถีวัฒนธรรมเขาเรียบง่าย ดูจริงใจ การแต่งกายเข้าวัดเขาเรียบง่าย ให้เกียรติสถานที่จากการแต่งกาย และเขาเป็นกันเองมากกับเรา เห็นแล้วอบอุ่นใจ เพียงแต่อากาศวันนี้ร้อนมากไปหน่อยเท่านั้นเอง
การเดินทางในครั้งนี้ผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ของจังหวัดศรีสะเกษเราไปเพียง 33.9 กิโลเมตร หากเช็คตามพิกัดจะใช้เวลาในการเดินทางจากด่านไทยเพียง 42 นาทีเท่านั้น เดินทางตามถนนหมายเลข 66 ของจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ไปถึงวงกลมประชาธิปไตยของอำเภออัลลองเวงแล้วซ้ายไปทางซ้ายกับถนน PR2648 เดินทางไป 13.2 กม. จะมีป้ายบอกวัด เลี้ยวซ้ายเป็นถนนลูกรัง อีก 5.3 กิโลเมตร จะถึงเป้าหมายครับ
ผู้คนทั้งสองประเทศยังคงมีการทำกิจกรรมร่วมกันปกติ มีการสื่อสารกันพอเข้าใจได้ เพียงแต่สำเนียงภาษาอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง เพราะประเทศไทยที่มีชายแดนติดกันที่สื่อสารกันด้วยสำเนียงเขมรของไทยกับสำเนียงเขมรแบบกัมพูชา ก็คือต้นตระกูลการสื่อสารเดียวกัน บางครอบครัวมีการโยกย้ายและเป็นสกุลเดียวกันก็มี ผู้คนทั้งสองประเทศก็คงได้ได้แต่หวังว่า ไม่ให้เกิดมีการสู้รบหรือทำสิ่งที่ก่อให้เกิดการเสียกำลังใจซึ่งกันและกัน ก็จะยังคงใช้ชีวิตแบบวิถีเกษตรกันอย่างมีความสุข รวมถึงไปมาหาสู่ทำกิจกรรมกันอย่างปกติสุขเฉกเช่นกับกิจกรรมในครั้งนี้ ที่ยังมีการเกื้อกูลและแจ้งข่าวถึงกันได้เช่นเคย
เรื่อง ภาพ ขวัญชิต โพธิ์กระสังข์ [สื่อชุมชนคนชายแดนไทยกัมพูชา]