
เรากำลังอยู่ในช่วงของฤดูฝุ่น… ซึ่งเป็นเหมือนฝันร้ายที่สังคมเผชิญร่วมกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้จะเห็นความพยายาม ในการเตรียมรับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ของภาคส่วนต่างๆ ในปีนี้ ล่วงหน้า แต่นั่นก็เป็น “การรับมือ” ซึ่งที่ผ่านมา มีความพยายามแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างด้วยการขับเคลื่อน และผลักดันพ.ร.บ.อากาศสะอาด หรือ CAA – Clean Air Act จนน่าจะสามารถประกาศใช้ได้ในปีนี้ ถ้าไม่มีอะไรพลิกผัน
พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นกฏหมายใหม่ เป็นนวัตกรรม ในการเขยื้อนสังคมไปพร้อมๆ กันเพื่อให้มีอากาศสะอาดให้ได้ ซึ่งท้าทายมาก ๆ และยิ่งโดยเฉพาะการแก้ปัญหาฝุ่น – ไฟในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้ ที่มีปัญหาเดิมทับซ้อนอยู่
พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นกฏหมายใหม่ เป็นนวัตกรรม ในการเขยื้อนสังคมไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้มีอากาศสะอาดให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องท้าทาย และยิ่งโดยเฉพาะการแก้ปัญหาฝุ่น – ไฟในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้ ที่มีปัญหาเดิมทับซ้อนอยู่
คุณบัณรส บัวคลี่ ตัวแทนสภาลมหายใจภาคเหนือ
ประสบการณ์การออกพ.ร.บ.อากาศสะอาดของแต่ละประเทศที่ผ่านมา คือ การเปลี่ยนสังคมแบบเดิมการผลิตของสังคมแบบเดิม ยกระดับไปสู่สังสังคมแบบใหม่ การผลิตแบบใหม่ที่สะอาดกว่า พ.ร.บ. อากาศสะอาดของประเทศไทย เข้าข่ายนี้คือการเปลี่ยนการผลิตของประเทศซึ่งมีหลากหลายเซ็กเมนต์ มีการเกษตร มีภาคป่า สําหรับผม ผมอยู่ภาคเหนือ ผมมองว่าเซ็กเมนต์ที่ยากที่สุด คือภาคป่า ภาคเหนือ มลพิษจากป่า มันมันใหญ่มากเฉพาะภาคเหนือ จุดความร้อนที่เกิดในป่า มากกว่า 85% เฉพาะเชียงใหม่ 87% แล้ว มากกว่าตัวอื่นๆ คราวนี้ถ้าเรามองลึกลงไปว่า พ.ร.บ.จะไปจัดการอะไรบ้าง ในป่า ที่มันรุงรังมากเพราะมันมีปัญหาเชิงโครงสร้างใหญ่ใหญ่ 2 ส่วน
ส่วนแรก คือ ระบบราชการซึ่งเป็นแบบแท่ง ๆ แล้ว มีหน่วยงานภาคป่า กรมป่าไม้กรมอุทยานที่ดูแลอยู่ซึ่งไม่พอไม่พอพลังไม่พอแต่กฎระเบียบไม่ให้มีใครเข้าไปช่วยเหลือมากเท่าที่ควรจะเป็น
ตัวที่สอง คือ ตัวโครงสร้างความขัดแย้งดังเดิม เรื่องสิทธิที่ทํากินเรื่องประชาชนในเขตป่า เรื่องความยากจนความเหลื่อมล้ำเรื่องการใช้อํานาจ เรื่องของเถื่อน อะไรต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดี เรื่องพวกนี้มันรุงรังทับซ้อนกันอยู่ มันเลยเกิดไฟมากมายในภาคเหนือ ยากมาก 10 กว่าปีแล้วที่ไม่สําเร็จสักที
สิ่งที่ พ.ร.บ.อากาศสะอาดใหม่ ที่ผมมองอยู่ว่ามันจะเป็นโอกาสในการขยับขัยเคลื่อนได้ หนึ่ง คือ เป็นการเปิดประตูให้เกิดฝ่ายต่าง ๆ เข้าไปบูรณาการร่วมกัน โดยผ่านการเปิดข้อมูล โดยรวมทั้งตัวที่สอง คือ ให้มีแผนปฏิบัติแผนปฏิบัติการจะอยู่ในพื้นที่ที่เกิดปัญหาจริง ๆ แล้วให้เกิดกลไก ถามว่ามันยากไหม ยากสิเพราะว่าเดิมนั้น มันเป็นพื้นที่เฉพาะของของเขาของหน่วยราชการหนึ่ง เป็นมิติใหม่เป็นความหวังใหม่ เป็นสิ่งที่อย่างน้อย ควรจะมีดีกว่าไม่มี
ประสบการณ์ พ.ร.บ.อากาศสะอาดของแต่ละชาติก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา มีเรื่องตรงกัน คือ การเปลี่ยนสังคมจากการผลิตแบบเดิม วิถีแบบเดิม ไปสู่วิถีใหม่ เช่นการใช้ถ่านหินไปสู่พลังงานใหม่ พ.ร.บ.อากาศสะอาดของประเทศไทย หลักการเดียวกันคือการเปลี่ยนการผลิตของสังคมซึ่งมันใหญ่มาก มีตั้งแต่เรื่องการเกษตร เรื่องพลังงาน เรื่องไฟในป่า สําหรับผมแล้วผมอยู่ในภาคเหนือผมมองเห็นว่าสิ่งที่ยากที่สุดเป็นเซ็กเมนต์ที่รุ่งรุงรังที่สุดที่พ.ร.บ.จะไปจัดการ คือเรื่อง ป่า
ป่าของเราไหม้ขนาดไหน สถิติบอกว่าไหม้มากที่สุด เป็นแหล่งกําเนิดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยมายาวนานแล้ว เฉพาะภาคเหนือ ไฟเกิดในป่าประมาณ 85% ภาคเหนือตอนบน เจาะลึกลงไปแบ่งเป็น 2 ปัญหา คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างใหญ่ หนึ่งกลไกในการบริหารจัดการในการดูแลของรัฐเอง ไม่พอ ขาดนู่นขาดนี่ ไม่บูรณาการติดกฎระเบียบ หน่วยอื่นเข้าไปไม่ได้ ตัวที่สองยิ่งรุงรังกว่า คือเรื่องดั้งเดิม คือ สิทธิทํากินการทะเลาะ เบาะแว้งกัน มีประชากรอยู่ในป่าต้องพิสูจน์สิทธิ์ รวมทั้งเรื่องของเถื่อนอื่นด้วย
ทั้งสองส่วนนี้นํามาซึ่งไฟมากมาย 10 กว่าปีแล้วไม่จบ แล้วเรามีความหวังกับพ.ร.บ.อากาศสะอาดใหม่ที่กําลังจะออกมาเพื่อจะไปแก้ปัญหาภาคเหนือได้อย่างไร ผมมองว่ามันมีตัวที่น่าสนใจอยู่สองส่วน ส่วนแรก คือ เค้าเปิดประตูของพื้นที่ที่เป็นปัญหา ให้เกิดการบูรณาการของฝ่ายต่างๆ รวมทั้งประชาชนเข้าไป เขาบอกว่าต้องเปิดข้อมูลต่าง ๆ เอาสิ่งที่ดํามืดออกมาสู่ที่สว่าง ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้น ตัวที่สองเขาบอกว่าให้มีแผนปฏิบัติการเจาะลึกลงไปในพื้นที่ปัญหานั้น ๆ ตัวแผนปฏิบัติการตัวนี้ ถ้ากฎหมายออกแบบให้ทุกฝ่ายเข้าไปร่วมกันจัดการ ผมคิดว่านี่ เป็นโอกาสอันดี เป็นความหวังที่หวังได้แต่จะได้ถึงขนาดไหนนั้น ต้องลองดูกัน
นอกจากป่าไม้แล้ว การเผาในที่โล่งแจ้งของภาคการเกษตร ก็เป็นสาเหตุสำคัญของ PM 2.5 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก
วิรุจน์ รอดคำ เกษตรกร จ.กาญจนบุรี
ผมเป็นชาวไร่อ้อย จากจังหวัดกาญจนบุรี เป็นส่วนหนึ่งที่ทําให้เกิดมลพิษ ฝุ่น ควัน ในอดีตผม เคยทำไร่อ้อยและผมเป็นส่วนหนึ่งของสภาลมหายใจจังหวัดกาญจนบุรีที่จะเกิดเร็วๆนี้
เคยทําไร่อ้อยแบบจุดไฟเผา เนื่องจากขาดแรงงานคน เวลาในการเก็บเกี่ยวไม่พอเพราะโรงงานใกล้จะปิดเราต้องเร่งจุด แล้วผมได้มีโอกาสได้ไปศึกษาที่นครสวรรค์ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนทําไร่อ้อย กลับมาไม่ได้ทําไม่ได้จุดไฟอีกเลยเพราะเรามีความรู้ในการที่จะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมและจะถูกต้องตามวิธีการในการเก็บเกี่ยวตามมาตรฐาน ระดับส่วนที่ชาวไร่ทั่ว ๆ ไปต้องกลับมาจุดไฟ เพราะว่าถ้าหนึ่ง คือ เงินทุนน้อย ขาดแรงงานคน ช่วงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวเหลือไม่มีไม่มาก ต้องเก็บ ต้องจุด เพราะว่าอ้อยล้ม คนงานไม่ตัด ต้องจุดไฟ ที่สําคัญคือจะมาให้ชาวไร่อ้อยไม่จุดไฟได้ไหมได้ นอกจากว่าเติมความรู้ให้กับชาวไร่ ความรู้วิธีการสร้างแรงจูงใจให้กลับมาทําไร่ มาเตรียมแปลงที่เหมาะสมในการที่จะใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยวเพื่อลดใช้การแรงงานคน หากการใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยวแล้วแรงงานคนจะลดไป
ทุกวันนี้ถ้าเกิดชาวไร่ไม่มีโอกาสที่จะไปรับความรู้ในการเก็บเกี่ยวอ้อยที่ถูกวิธี ถูกต้องเนื่องจากมีความเข้าใจผิดว่าการเก็บเกี่ยวอ้อยโดยใช้เครื่องจักรแล้วจะเสียหายถึง 2 ถึง 3 ตันต่อไร่ โดยขาดความรู้ตรงนี้ ไม่เข้าใจตรงนี้ ที่สําคัญผมอยากให้โรงงานน้ำตาล ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องในเรื่องฝุ่นละออง อยากให้โรงน้ำตาลมาช่วยผลักดันสร้างแรงจูงใจให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อยและกลับมาทําไร่อ้อยโดยการเตรียมแปลงที่ถูกวิธีที่ถูกต้อง
ไม่ทําเพราะว่าไม่มีอะไรเข้ามาจูงใจ สําคัญสุดเพราะว่าชาวไร่อ้อยไม่มีตังค์ ตังค์น้อยเพราะราคาอ้อยถูก แล้วจะต้องใช้เงินมาทุ่มทุนในการที่จะมาทําเตรียมแปลงในรูปแบบอะไรอย่างนี้ อยากให้โรงงานน้ำตาลมาช่วยผลักดันสร้างแรงจูงใจอยากให้ พ.ร.บ.อากาศสะอาดนะ เข้ามามีส่วนร่วมในภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดัน
สุดท้ายที่อยากจะให้พี่น้องชาวไร่อ้อยทุกท่านได้มีโอกาสได้เปิดใจในการที่จะเตรียมแปลงใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยวเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง เพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดีแล้ว และในวันนี้ถ้าหากโรงงานน้ำตาลไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันให้ชาวไร่อ้อยได้รับความรู้และ ส่งเสริมในการที่จะจูงใจให้กับชาวไร่อ้อย ได้กลับมาทําเตรียมแปลงที่ถูกต้องในการวิธีที่จะเก็บเก็บเกี่ยวที่ที่จะมีประสิทธิภาพเกี่ยว พี่น้องชาวไร่อ้อย คงจะไม่ทําเพราะว่าต้นทุนในการที่จะทํามันต้องใช้เงิน หากโรงงานมาสนับสนุนให้แรงจูงใจไม่ว่าจะเป็นเงิน เป็นรางวัล เป็นเกียรติบัตรแล้วชาวไร่อ้อยคงจะกลับมาทํา และจะเป็นต้นแบบให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อยท่านต่อไป ที่จะกลับมาทํา ส่วนสําหรับลูกหลานของชาวไร่อ้อย ที่จะไม่กลับมาทําไร่อ้อยในรุ่นต่อไปเพราะชาวไร่อ้อยทุกท่าน หลายๆคนที่ทําไร่อ้อยได้เงินจะค่าตอบแทนจากทำอ้อยน้อยมาก ซึ่งจะผ่อนรถสักคัน จะผ่อนลําบาก พอต้องใช้เงินในปีหน้ามาใช้ในปีนี้ ใช้เงินปีนี้มาใช้ปีหน้าเพราะว่าเงินไม่พอ เพราะตัดอ้อยคราวหนึ่ง คือติดหนี้บางทีลบกลบหนี้ ยังได้แค่เสมอตัว ไม่มีเงินที่จะกลับมาใช้รุ่นลูกหรือจะกลับมาถามต่อเพราะว่าถ้าเกิดทางโรงงาน ไม่มีการสร้างองค์ความรู้ให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อยได้กลับมาทําไร่อ้อยในรูปแบบที่ลืมตาอ้าปากได้ ลูกหลานคงไม่ทําประสานต่อกับพ่อแม่เพราะว่าพ่อแม่ ทําติดหนี้ลูกหลาน คงไม่กลับมาทํา ขอวอนทางโรงงาน ว่าถ้าเกิดท่านเป็นตัวหลักตัวสําคัญที่ทําให้เกิดฝุ่นละอองฝุ่นจิ๋ว
สุดท้ายนี้อยากจะให้ทางโรงงานน้ำตาลกับพี่น้องชาวไร่อ้อยมาร่วมกันผลักดันพ.ร.บ.อากาศสะอาดไปร่วมกัน
ส่วนที่กรุงเทพมหานครฝุ่นควันส่วนหนึ่งมาจากการจราจร เราเห็นมาตรการเข้มงวดรถควันดำของกทม.ออกมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และสำหรับภาคประชาชนในนามของสภาลมหายใจกทม.เขามองปัญหานี้อย่างไร
คุณพงศ์ภรณ์ อนุสกุลโรจน์ กรรมการสภาลมหายใจกรุงเทพฯ สภาลมหายใจกรุงเทพมุ่งเน้นการให้ความรู้สร้างการรับรู้เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชนต่อสาเหตุการเกิดฝุ่น pm 2.5 และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ในหนึ่งปีที่ผ่านมาสภาลมหายใจกรุงเทพฯ ได้ร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายอื่น และมีหนึ่งโครงการที่สภาลมหายใจกรุงเทพได้ผลักดันจนสําเร็จลุล่วงไปแล้ว นั่นคือโครงการประกันภัยอาสาสู้ไฟป่าเป็นการระดมทุนรับบริจาคเงินเพื่อจัดซื้อกรมธรรม์ให้กับอาสาสมัครกู้ภัยไฟป่าซึ่งเขาเหล่านี้เป็นชาวบ้านที่เป็นอาสาช่วยดับไฟป่า โดยที่ไม่ได้รับความคุ้มครองใด ๆ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ราวปีนี้เราจัดกรมธรรม์ให้ทั้งสิ้น 20,000 ราย แล้วเราจะดําเนินการต่อไปในอีกสองปีข้างหน้า หลังจากนั้นเราจะผลักดันให้ภาครัฐดําเนินการต่อ ในส่วนฝุ่นกรุงเทพครับเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แนวโน้มของฝุ่นมีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปีที่ผ่านมา เราได้ร่วมกับกทม.ในการแก้ปัญหาต้นเหตุของฝุ่น ต้นตอจริง ๆ คือจากรถยนต์ ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลใช้งานเกิน 10 ปี เราได้ร่วมกันพัฒนาออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงให้กับกทม.จํานวน 1 คันแล้ว ได้ส่งมอบไปเรียบร้อยแล้ว รถที่นํามาดัดแปลงแล้วเรารื้อเครื่องยนต์ออกเครื่องยนต์นั้นเรานํามาใช้ในการทําเป็นเครื่องยนต์ต้นกําลังพลังชีวมวล โดยเอามาใช้ในการปั่นกระแสไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์ที่ใช้เราใช้เชื้อเพลิงจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่ได้จากการเผาไหม้ในเตาแก๊สไฟเออร์เป็นแก๊สเชื้อเพลิงเอาไปขับเครื่องยนต์ดังกล่าว ซึ่งผลิตไฟฟ้าใช้ในชุมชนได้เครื่องต้นแบบตอนนี้ ได้ส่งมอบให้กทม.แล้วเช่นกัน
ส่วนสภาลมหายใจกรุงเทพฯ กับ พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพราะต้องการเน้นการมีส่วนร่วม เพราะว่าเป็นประเด็นที่สภาลมหายกรุงเทพฯ มุ่งเน้นอยู่ เพราะว่าการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาชนซึ่งมีส่วนร่วมในการสร้างปัญหา ต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา เราจะขับเคลื่อนตรงนี้ตามคําขวัญของสภาลมหายใจที่ว่า รู้ทันฝุ่น หนุนพลังสังคม เพื่อลมหายใจเดียวกัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องใหม่เช่นเดียวกัน สําหรับคําว่าอากาศสะอาดเป็นความหวังที่เราอยากจะให้เกิดขึ้นซะวันนี้เลยและวันนี้ความเปลี่ยนแปลงน่าจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการเดินหน้าของพ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งการรวมร่างใกล้จะเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว คุยกันเพิ่มเติมกับแขกรับเชิญของรายการฟังเสียงประเทศไทย 6 ท่าน ประกอบด้วย คุณบัณรส บัวคลี่ ตัวแทนสภาลมหายใจภาคเหนือ / คุณ วิรุจน์ รอดคำ เกษตรกร จ.กาญจนบุรี / คุณ พงศ์ภรณ์ อนุสกุลโรจน์ กรรมการสภาลมหายใจกรุงเทพฯ / อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) / ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด / ดร. ภาคภูมิ โลหวริตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นพร้อมกับร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด อะไรจะเปลี่ยน?
อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) กล่าวว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของมลพิษทางอากาศ เป็นสําคัญด้วยข้อมูลกับความรู้
ดร. ภาคภูมิ โลหวริตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ระบบที่เปลี่ยนน่าจะเป็นระบบการจัดการ เพราะว่าเมื่อก่อน ถ้าเราพูดเรื่องมลพิษทางอากาศมัน จะกระจัดกระจายอยู่ในหลายๆ ที่ พอ พ.ร.บ. ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาคือเราจัดระบบใหม่ การจัดการใหม่มีกรรมการใน 3 ระดับ มีเรื่องของมาตรการในการควบคุมการเผาในที่โล่งต่างๆ มีเรื่องของควบคุมมลพิษจากแหล่งกําเนิดซึ่ง มารวบรวมประมวลอยู่ในพ.ร.บ.ฉบับนี้
อะไรคือจุดท้าทายที่เราต้องไปให้ถึงเพื่อเปลี่ยน ?
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด กล่าวว่า ปัญหาเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนเพราะฉะนั้น ต้องการการออกแบบวิธีการทํางานใหม่และมีเครื่องมือสําหรับการแก้ปัญหาที่แตกต่างไปจากเดิม เพิ่มไปจากเดิม นี่คือสิ่งที่เรากําลังทําอยู่ใน พ.ร.บ.อากาศสะอาด
ด้านนึงหลายคนพูดว่าจะทําให้เรื่องอากาศสะอาดสําเร็จได้ มันต้องแก้ไขระบบราชการที่ล้มเหลว ?
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด กล่าวว่า ตรงนั้น เป็นปัจจัยสําคัญที่อยู่ใต้ภูเขาน้ําแข็ง ตัวฝุ่น pm 2.5 เป็นแค่ปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงอาการของปัญหาความล้มเหลวในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือเราต้องมาแก้ระบบแผนระบบงบประมาณ กฎระเบียบที่เป็นข้อติดขัดของภาครัฐ การทํางานร่วมกันที่เรียกว่าข้ามกรมข้ามกระทรวง เพราะเรื่องมลพิษทางอากาศ เกี่ยวข้องใน 6 ภาคการผลิตทั้งเกษตร ป่าไม้ อุตสาหกรรม คมนาคม ภาคเมืองและตอนหลังเราเจอปัญหาฝุ่นมลพิษข้ามแดน เพราะฉะนั้นทั้ง 6 สาขา เกี่ยวข้องกับกระทรวง กรมต่างๆ ที่เราต้องทํางานประสานกันเหมือนทีมฟุตบอล ที่จะต้องมีโค้ชมีผู้จัดการที่ทําให้ทุกคนวิ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกันให้ได้
พ.ร.บ.นี้จะเป็นส่วนที่ทําให้เกิดโค้ชเป็นกลไกเป็นกติกาในการเล่นกัน ?
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด กล่าวว่า ครับ ที่สําคัญคือไม่ใช่รวมตัวกัน 3 วันก่อนที่จะไปเล่น ต้องเตรียมทัวร์กันมาเป็นปี เพราะฉะนั้นหมายความว่าเราต้องทํางานแก้ปัญหาที่สาเหตุ แหล่งกําเนิดมลพิษทางอากาศ ต่อเนื่องทั้งปี ก่อนที่จะเกิดปัญหา ซึ่งถ้าทําเช่นนั้นได้เราจะลดอาการความรุนแรงของปัญหา คือบทเรียนที่ชัดเจนว่าเฉพาะ 3 เดือน 4 เดือน ที่เกิดกรณี pm 2.5 วิ่งไล่ดับ ไฟบินเอาน้ําไปดับไฟ ไม่ใช่การแก้ปัญหาและไม่ใช่ความยั่งยืนในการแก้ปัญหา เราต้องทํางานล่วงหน้าเราทํางานต่อเนื่องโดยการรวมกันเป็นทีมทั้ง 6 สาขาที่เกี่ยวข้อง
อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) กล่าวว่า 4 ปีที่อยู่กับร่างกฏหมาย เห็นความก้าวหน้าของการรวมร่างและ เห็นมิติใหม่ๆ ของตัวกฎหมายที่จะออกมา ที่สําคัญในหลายเรื่องที่อยู่ในร่างกฎหมาย ได้มีการทดลองนําไปสู่การปฏิบัติเพื่อทดสอบดูว่าถ้าเกิดเอาระบบนี้ไปใช้ มันสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือเปล่า เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการนําเอาขบวนการในการบูรณาการการทํางานของหน่วยงานภาครัฐ ทํางานร่วมกับพื้นที่มีการจัดรูปแบบใหม่ๆ ตรงนี้คุณบัณรสอาจจะให้รายละเอียดได้ในเรื่องของการเปลี่ยนรูปแบบของการจัดการ
คุณบัณรส บัวคลี่ สภาลมหายใจภาคเหนือ กล่าวว่า การพยายพยายามบูรณาการ ทั้งภาครัฐเอง เขามองเห็นปัญหาของเขา ของภาคประชาชนที่ผลักดัน ยื่นมือไปแล้วขอให้รัฐมาช่วยร่วมกัน ที่เชียงใหม่เขาทํามา 2- 3 ปีแล้ว สภาลมหายใจของพื้นที่ แต่จริงจริงๆ แล้วหลายๆ พื้นที่หลายสภาลมหายใจ พยายามอยู่ แต่ว่าเชียงใหม่โดดเด่นมากที่สุด
ประเด็นปัญหาเหมือนกับที่หลายๆ ท่านได้บอกเราตอนต้น ว่าปัญหาอยู่ที่ขบวนการเรียกกลไกของภาครัฐ มันเป็นแท่งเหมือนแข็งมัน เป็นส่วนหนึ่งของอุปสรรค ภาครัฐเองเขา มองเห็น เช่น กรมอุทยาน อธิบดี มาถึงเขาสั่งเลยบอกว่า ภายในเขตป่าของเขาก่อนหน้านี้ ต่างคนต่างทํา เขาสั่งบอกว่าให้มี Single Command แล้วบูรณาการกัน แสดงว่าเขามองเห็นปัญหาของเขา ขณะเดียวกันในหลายจังหวัดโดยเฉพาะเชียงใหม่ มีกลไกที่มีกรรมการร่วมหลายฝ่ายดึงเข้ามาทํางานร่วมกัน ในระหว่างทางของการที่จะแก้ปัญหาโดยกฎหมายยังไม่ออก ทุกฝ่าย เริ่มมองเห็น ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่ พยายพยายามจะทํา ประเด็นคือกฎหมายที่จะออกมา มันจะไม่ใช่ว่าต่างคนต่างพยายามจะทําเลย มันจะเป็นแพทเทิร์น เป็นหลักประกันหรือว่าเป็นสิ่งที่วางอยู่แล้ว ให้เป็นบันได ให้เราก้าวไปได้ นี่กําลังรอดูอยู่ถึงความสําเร็จนั้น
ป่าไม้ เป็นแหล่งกําเนิดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถ้ามองในแง่ของสถิติ การไหม้ในเขตป่า สูงสุดของประเทศไทยเป็นสัดส่วนมากที่สุด มากกว่าการไหม้ของภาคเกษตร ของภาคเหนือ 84% เกิดภาคเหนือตอนบนนะอยู่ในป่าหมดเลย ยากมาก แล้วก่อนหน้านี้มันมันมันติด ติดขัดปัญหาตรงไหน แบ่งเป็นสองส่วน
ส่วนที่ 1 คือ เรื่องรากเหง้า เขาเป็นอย่างนี้มานานแล้ว คือเรื่องสิทธิทํากินของชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ความเหลื่อมล้ําความยากจนการอะไรต่างๆ ซึ่ง พยายามที่จะแก้กัน กฎหมายตัวนี้อาจจะช่วยได้อีกส่วนหนึ่ง
ส่วนที่ 2 ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเลย อย่างประเด็นที่เราคุยกันเลย คือ กลไกของรัฐเองเอง พูดตรง ๆ คงไม่โทษกัน ประสิทธิภาพยังไม่ถึง ไม่มากพอ ยังต่างคนต่างสะเปะสะปะ 10 ปีมานี้มีกรมอุทยาน ภายในกรมอุทยานเดียวกันป่าเดียวกันไม่ทํางานร่วมกัน ในกรมป่าไม้ถ่ายโอนภารกิจมา ถ่ายโอนมาแล้วให้อปท. เมื่อไม่มีเงินให้มัน เลยเป็นปัญหาอยู่ในเขตป่าที่ซ่อนเอาไว้ เช่นเดียวกัน
คราวนี้ผมคาดหวังอะไรจากจากตัวกฎหมาย พ.ร.บ.อากาศสะอาดตัวนี้ ตอนนี้ทุกคนมองเห็นแล้ว ว่าต้องยกต้องเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของภาครัฐ จะเพิ่มยังไร จริง ๆ ต้องเพิ่มโดยการบูรณาการ อยู่ในพื้นที่ด้วยกันใช่ไหมปรากฏว่าผมไปแอบอ่านกฎหมายอยู่ไม่ทราบว่าจะพอถึงขั้นสุดท้ายจะได้ออกมาอย่างนี้หรือไม่ เขาบอกว่าให้มีแผนปฏิบัติการในเขตพื้นที่เช่นจังหวัดเชียงใหม่ ต้องมีแผนปฏิบัติการของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งแน่นอนว่าแหล่งกําเนิดหลักของเชียงใหม่อยู่ในเขตป่าเพราะฉะนั้นแผนปฏิบัติการดังกล่าวนั้น สมมุติถ้าเขียนให้ฝ่ายต่างๆ เข้ามาร่วมกันทําอย่างเป็นทางการอยู่ในแผนอยู่ในแผน แปลว่ามีอํานาจหน้าที่มีงบประมาณมีอะไรต่างๆ ถ้าเป็นไปตามนั้น คือกฎหมายมันช่วยเอื้อเปิดประตูให้เปิดประตูให้เข้ามาทํางานร่วมกันได้
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด กล่าวว่า เราเห็นปัญหาแบบนี้ในช่วง2- 3 ปี ที่ไปตระเวนดู สิงห์บุรี ลําปาง เชียงใหม่ เชียงราย เราทดลองแก้ไขปัญหาที่คุณโตพูดถึง เมื่อเห็นแล้วว่าทิศทางสําเร็จก้าวหน้า เช่น การจัดการป่าไม่ได้แบ่งไปตามเขตของการปกครอง แต่ไฟมันสามารถข้ามกลุ่มป่าได้ เราเห็นแล้วว่าวิธีแบบนี้จัดการได้ดีขึ้น เราถอดบทเรียน เอามาเขียนในกฎหมาย งั้นตัวกฎหมายที่เขียน มาจากประสบการณ์การทดลองทําอยู่ในพื้นที่ เอาตัวเนื้อหาใหม่ๆ ลองไปทดลองที่ได้ผลดี เอามาเขียนเอาสิ่งที่คิดกําลังเขียนในกฎหมายไปทดลองในพื้น ที่ถ้าทําได้ดีเรา เดินต่อ เพราะฉะนั้นวันนี้กฎหมายที่ร่างอยู่ มาจากประสบการณ์จริงที่ทําในพื้นที่
เรื่องป่า 1.ดึงการมีส่วนร่วม พลังของชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามาร่วมแก้ปัญหาเพราะว่าลําพังภาครัฐฝ่ายเดียว ป่า ใหญ่เกินกว่ากําลังภาครัฐฝ่ายเดียวและงบประมาณที่มีอยู่
2.การกําหนดกติการ่วมในการใช้ประโยชน์จากป่าแบบไม่เผา
3.ให้มีการจัดการโดยที่ไม่ต้องยึดกับเขตปกครอง ถ้าไฟข้ามมากกว่าเขตปกครองข้ามกรมป่าสามารถออกแบบการทํางานในลักษณะนี้ได้
นี่คือ 3 ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากกรณี pain point ที่เกิดขึ้นในป่าแล้วเราเอามาเขียนไว้ในกฎหมาย
ตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่กาญจนบุรีฝั่งตะวันตก ซึ่งไหลรวมถึงภาคกลางด้วยซึ่ง เจอปัญหาเรื่องการเผาในพื้นที่ภาคการเกษตรคาดหวังให้กฎหมายมาช่วยอะไร ?
วิรุจน์ รอดคำ กล่าวว่า ถ้าคาดหวังว่าจะใช้กฏหมายเข้ามาช่วย คือไม่อยากให้แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อยากจะให้แก้ปัญหาที่ต้นตอ ตนว่าความรู้ที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องที่ทําการเกษตร ทําไร่อ้อย สําคัญครับ ถ้าเค้าไม่รู้เลยแต่การที่จะป้องกันด้วยการวางแห้งในการที่จะอนุรักษ์ใบอ้อยที่อยู่ในพื้นที่ของเขา จะไม่มี เขาจะเผาทิ้งหมด อยากให้ทุกคนระเบิดจากข้างในออกมาจากชาวไร่ ให้ระเบิดจากข้างในออกมาเพื่อจะทําให้เกิดผลกับพี่น้องภาครัฐดับ พ.ร.บ.อากาศสะอาด
ผมหวัง ว่านี่โชคดีของคนไทย ถ้าเกิดมันคลอดออกมาได้ คาดว่าคงจะเข้ามาช่วยในการที่จะทางภาครัฐทั้งทางภาครัฐทางภาคเอกชนและภาคประชาชนได้เข้ามาร่วมบูรณาการเพื่อทําและเข้ามาร่วมกันทํางานผมว่าน่าจะเกิดประสิทธิภาพ
อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) กล่าวว่า เชื่อว่า เพราะว่าทุกพรรคการเมือง ให้ความสําคัญกับเรื่องนี้ แล้ว ในกลไกภาครัฐ เห็นถึงสถานการณ์ที่มันจําเป็นต้องต้องลุกขึ้นมาเทคแอคชั่นบางอย่างเพราะฉะนั้น commitment นี้จึงเป็น commitment ที่ผมคิดว่าเดิมพันกันด้วยรัฐสภา
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด กล่าวว่า ตอนนี้ ถ้าเปรียบเหมือนกับตั้งครรภ์ เราอยู่ในช่วงท้องเดือนที่ 8 เหลือเดือนที่ 9 คือ ตอนนี้เข้ามาสู่การเปิดสมัยสภา ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาแล้ว จะไปปิดเอา 10 เมษายน 2568 ตอนนี้เราตั้งใจว่าจะเอาเข้าในสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 พอผ่านชุดนี้ เข้าสว. จะมีเวลาพิจารณา 30 วัน เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงิน วันนี้สว.ทําการบ้านล่วงหน้า ตั้งอนุกรรมาธิการมาแล้ว 5 ชุด เพื่อขออ่านล่วงหน้าแล้วในบางช่วง มาร่วมประชุมฟังสังเกตการณ์การประชุมในกรรมาธิการวิสามัญในชุดสส. เพราะฉะนั้น เชื่อว่าถ้าผ่านสภาผู้แทนในเดือนกุมภาพันธ์ เข้าสว. 30 วัน เอาอยู่ เพราะฉะนั้นทันที่จะก่อนปิดสมัยประชุมในช่วงประมาณวันที่ 10 เมษายน 2568
ดร. ภาคภูมิ โลหวริตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า น่าจะมีความหวัง การที่พรรคใด ๆ เสนอมาแล้ว จริง ๆ ถ้าเราดูแต่สําหรับการจากต่างประเทศ สิ่งที่เป็นตัวผลักดัน คือ สภาพอากาศ หลายๆ ประเทศเกาหลีใต้ ฝรั่งเศสอังกฤษ เขาคลอดออกมาได้นี่คือกฎหมาย คือ อากาศเขาผ่านประสบการณ์อันแย่มาแล้ว เลยคลอดกฎหมายพวกนี้ออกมา ซึ่งประเทศไทย อาจจะถึงจุดนั่นแหละที่มันจําเป็นที่จะต้องมีกฎหมาย
คุณพงศ์ภรณ์ อนุสกุลโรจน์ กล่าวว่า ตอนนี้รถติด ผมขับรถวันละร้อยกิโลในกรุงเทพมหานคร ในปีที่ผ่านมาผมได้ทําโครงการเคาท์ดาวน์ PM 2.5 กรุงเทพฯ เราประสานงานกับหน่วยงานจริงๆ หน่วยงานหลักที่เป็นเจ้าภาพพื้นที่ คือ กทม.มีหน่วยงานเสริมเรา พบว่า การประสานงานค่อนข้างยากมากในการทํางาน ยากมากในการแชร์ข้อมูลกัน ค่อนข้างยาก ทํางานด้วยความยากลําบากซึ่งหลายๆ ท่าน น่าจะทราบ อย่างเช่นพี่โตบอกว่าตอนนี้ทางภาคเหนือมีซิงเกิ้ลคอมมานด์แล้วผมหวังว่าถ้าพ.ร.บ.ตัวนี้ออกจริง มันคงจะมีซิงเกิ้ลคอมมานด์ที่จะรวมศูนย์กันที่เดียว แล้วกระจายกันทํางาน ซึ่งจะทําให้การแก้ปัญหาฝุ่น แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ อาจจะทําได้เร็วขึ้นกว่าต่างคนต่างทํา
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด กล่าวว่า กลไกในระดับส่วนกลาง จะมีคณะกรรมการที่เรียกกันว่าซุปเปอร์บอร์ด ซึ่งจริงๆ คือคณะกรรมการนโยบายร่วมเพื่อการบริหารจัดการอากาศสะอาด นายกเป็นประธานองค์ประกอบมีทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาสังคม ในอีก2-3 กลไกที่จะช่วยทํางาน จะมีกรรมการวิชาการกรรมการด้านเศรษฐศาสตร์ แล้วเรามีตัวเสริมเรียกว่ากรรมการกํากับ เพื่อคอยประเมินว่างานแต่ละงานที่วางไว้ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ติดขัดอะไรบ้าง จะมาได้ช่วยเรียกว่าปลดล็อคแก้ไข ในแต่ละ sector สาขาที่เมื่อกี้พูดไปทั้ง 6 สาขา
ส่วนในระดับจังหวัดพื้นที่ เราจะมีกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดซึ่ง ประกอบด้วยทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษาในพื้นที่ เอาความรู้ทางนี้มาประกบกันแล้วสามารถออกแบบให้มีกลไกเฉพาะรับมือกับปัญหาเฉพาะในบางพื้นที่ได้ เช่น เมื่อกี้ที่พี่โตบอกว่ามีไฟแปลงใหญ่ข้ามเขตจังหวัดหรือข้ามเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้ามตําบล ออกแบบให้มีกลไกทํางานแบบนี้ได้เป็นกลไกแบบชั่วคราว จัดการปัญหาได้เสร็จ ยุบเลิกไป งั้นกลไกถูกออกแบบหลายระดับ เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์เรื่องของการประสานการสั่งการแบบซิงเกิ้ลคอมมานด์ กรณีที่เกิดปัญหาวิกฤตที่เรา เรียกว่า เขตเฝ้าระวังมลพิษ ทางอากาศ คือ เห็นแล้วแนวโน้มจะเกิดอาการของปัญหารุนแรง อันนี้ ยกระดับให้ผู้ว่ามีอํานาจในการสั่งการที่เรียกว่าซิงเกิ้ลคอมมานด์และถ้ามีปัญหาซ้ําซากเกี่ยวกับพื้นที่นั้นแก้โดยหลายวิธี การเอาไม่อยู่ในกฎหมายนี้ ทำให้อํานาจในการประกาศเขตประสบมลพิษทางอากาศ ยิ่งเป็นซิงเกิ้ลคอมมานด์ในระดับที่สูงขึ้นและให้อํานาจในการจัดการที่จะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สั่งระงับกิจการที่เป็นต้นเหตุให้เกิดมลพิษทางอากาศนั้นได้ นี่คือตัวอย่างที่ขยายความเรื่องระดับของการออกแบบแล้ว ไปถึงระดับที่เรียกว่าซิงเกิ้ลคอมมานด์
อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) กล่าวว่า จริง ๆ ด้านหนึ่ง เป็นภารกิจของของหน่วยงานเดิมที่ทําอยู่แล้ว โดยแยกตามพอยท์ซอสที่มันเกิดขึ้นแต่ว่านอกจากซิงเกิ้ลคอมมานด์แล้ว มันยังมีอีกมุมนึงที่เราไม่ค่อยได้พูดมากเท่าไหร่ คือมุมที่ทําหน้าที่ในการ COORDINATE คือ ต้องทําระยะยาว ที่คุณบัณฑูรพูดถึงว่าระยะเผชิญเหตุ 3 เดือน ตรงเนี้มันคือมีกลไกมีซิงเกิ้ลคอมมานด์เกิดขึ้น ในตอนช่วงนี้แต่ว่าช่วงก่อนหน้านี้ มันต้อง COORDINATE ให้เกิดการไปป้องกันไว้ก่อน เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งมุมนี้ เป็นมุมอีกมุมหนึ่งที่กรรมการชุดนี้ต้องทําหน้าที่ ในการ COORDINATE ก่อน ป้องกันไว้ก่อนแล้ว ถ้าเกิดมันไม่ไหวจริง ๆ มันเกิดเหตุจริง ๆ มี single command แต่ว่าในการในส่วนขององค์กรที่ทําหน้าที่ในการที่จะเชื่อมร้อยหรือทําหน้าที่ในการบูรณาการ เป็นคณะกรรมการเป็นคล้าย ๆ กับสํานักงานในการบริหารจัดการเพื่อการอากาศสะอาด ซึ่ง wording เป็น wording ที่อยู่ในกฎหมาย ทําหน้าที่ดึงเอาองค์กรที่ดูแลเกี่ยวข้องกับอากาศ มาอยู่ภายใต้องค์กรแบบใหม่นี้แต่องค์กรนี้เป็นองค์กรที่ยกระดับงานเดิมขึ้นมานั่นเอง
ความเป็นไปได้ Possibility
อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) กล่าวว่า ต้องถามคุณบัณฑูรในรายละเอียด แต่ว่าในขณะนั้นเท่าที่ทราบ คือ จะเอาบางส่วนของฟังก์ชั่นของกรมควบคุมที่ดูเรื่องอากาศ มาทําหน้าที่ขึ้นมา แล้วบางส่วนจากหน่วยงานอื่นเช่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบฐานข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้มาอยู่ภายใต้ชุดของหน่วยงานนี้
ดร. ภาคภูมิ โลหวริตานนท์ กล่าวว่า จริงๆ ถ้าเราดูโมเดลต่างประเทศส่วนใหญ่ จะอย่างที่ท่าน ดร.บัณฑูรได้เรียนไป ว่าเราใช้ท้องถิ่น อย่างบางประเทศอย่างบางประเทศฝรั่งเศสเป็นระดับจังหวัด บางประเทศเป็นระดับท้องถิ่น ซึ่งผมคิดว่ามาตรการในการที่จะแก้ไขเรื่องฝุ่นจริง ๆ ข้อสําคัญคือเราต้องคํานึงถึงลักษณะความแตกต่างของพื้นที่เป็นหลักคือถ้าเราใช้มาตรการแบบเหมารวมทั้งประเทศ มันไม่ได้ผลเพราะว่าลักษณะภูมิประเทศไม่เหมือนกัน ลักษณะภูมิอากาศไม่เหมือนกันซึ่งผมคิดว่า อันเนี้ยเป็นจุดเด่นของร่างพ.ร.บ.ที่จะเกิดขึ้น คือ พูดง่ายเราเปลี่ยนจาก bottom up เป็น top down bottom up คือ สั่งการจากข้างบนตรงล่างให้มันเป็น bottom up คือ เราเริ่มให้ท้องถิ่นมามีส่วนร่วมและให้ระดับจังหวัดมีมีมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว อาจจะมีเสริมในเรื่องของข้ามพรมแดน ซึ่งอันนี้จะเป็นมาตรการใหม่ที่ในร่าง พ.ร.บ. เราจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง มีความรับผิดตามมามั้ยของของผู้ที่ปล่อยมลพิษข้ามพรมแดนต่าง ๆ
อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล กล่าวว่า ในกฎหมายฉบับใหม่ ให้สิทธิเยอะมาก อันแรกเลย คือ สถาปนาสิทธิในอากาศสะอาดขึ้นมา ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อประชาชนมีสิทธิ์ รัฐต้องมีหน้าที่ ซึ่งทางสภาลมหายใจอาจจะมี action บางอย่างออกมา
อันที่สอง คือ ในเครื่องมือในกลไก ในการเข้าไปแก้ปัญหาในแต่ละ point source มันมีเรื่องของการให้ความสําคัญกับเรื่องของการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนใน sector ต่างๆในภาคส่วนต่างๆ ในการเข้ามามีเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เครื่องมือทางสังคม เครื่องมือในการสื่อสารที่จะทําให้เออเกิดการมีส่วนร่วมเกิดขึ้นจากภาคส่วนทางสังคมเข้ามา อันนี้ คือสิ่งที่จะทําให้กระบวนการในการเข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่เป็นเรื่องของบทบาทภาครัฐเพราะเรื่องของมลพิษทางอากาศ ภาครัฐออกมาอยู่ เพราะงั้นถ้าเกิดภาคสังคมไม่ช่วย มัน จะอยู่ในฐานะที่เป็นตกระกําลําบากร่วมหมู่กันแบบนี้ เพราะฉะนั้นต้องต้องมีต้องมีมาตรการต่างๆรวมถึงเท่าที่ผ่านมา ภาคเอกชนหลายหลายหลายองค์กร ภาคประชาสังคมในแต่ละที่ในแต่ละจังหวัด เขาลุกขึ้นมาทําอะไรหลายหลายอย่างเพราะฉะนั้นตรงเนี้ยเป็นสัญญาณที่ดีกฎหมายฉบับนี้ออกรองรับให้ขบวนการทํางานเกิดขึ้นและที่สําคัญคือว่ามีงบประมาณเข้าไปช่วยหนุนให้เกิดขึ้นได้ด้วยนะฮ่ะ อันนี้คือคือส่วนที่ตอบในเบื้องต้น
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กล่าวว่า ขยายความให้ชัด เรื่องของบทบาทการมีส่วนของประชาชนบนพื้นฐานสิทธิ ราพูดกัน 3 เรื่องใหญ่ ๆ หนึ่งของสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจะทําให้เกิดความโปร่งใส แหล่งกําเนิดอยู่ที่ไหนงบประมาณภาครัฐใช้ไปอย่างไร การจัดการในภาคป่าไม้ที่มีการเรียกว่า ชิงเผาบริหารจัดการเชื้อเพลิงอยู่ที่ไหนข้อมูลเหล่านี้ประชาชนเข้าถึงเปิดเผย ทําให้เกิดความเชื่อมั่นโปร่งใสตามมา
สองเป็นสิทธิที่จะยกระดับการมีส่วนร่วมไปถึงระดับการวางแผนการตัดสินใจ งั้นประชาชน จะเข้ามาอยู่ในกลไกของกรรมการทั้งระดับชาติ ทั้งระดับจังหวัด ซึ่งหมายถึงว่าการทําแผนระดับจังหวัด ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมออกแบบทําตั้งแต่กระบวนการรับฟัง ไปจนถึงอยู่ในคณะกรรมการอันนี้คือสิทธิการมีส่วนร่วมไปถึงระดับการตัดสินใจการวางแผน
ส่วนที่สาม เป็นสิทธิการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เป็นเรื่องของการที่จะคุ้มครองสิทธิตัวเองโดยใช้กระบวนการยุติธรรมมาคุ้มครอง มาเยียวยา จะเป็นเรื่องการฟ้องคดีทั้งภายในประเทศ รวมทั้งสิ่งที่จะเกี่ยวข้องกับมลพิษข้ามแดนอันนี้ เป็นสิทธิในบริการยุติธรรม นอกเหนือจากนี้ทําข้ามไปจากมุมของสิทธิทั้ง 3 เรื่องการมีส่วนร่วมในการเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาครับ การมอนิเตอร์ การตรวจวัด สิ่งนี้จะมีระบบที่เรียกว่าการตรวจวัดจากเครื่องมือที่ภาคประชาชนภาคเอกชนมีอยู่จะเอาข้อมูล มารวมอยู่ในระบบการมอนิเตอร์ค่าฝุ่น รวมถึงมาร่วมแก้ปัญหาทั้งในส่วนของภาคประชาชน แล้ว ภาคธุรกิจอย่างที่อาจารย์ไพสิฐพูดอันนี้ จะให้เห็นภาพชัดของการมีส่วนร่วมในทุกระดับ
คุณบัณรส บัวคลี่ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องสิทธิ เป็นหนึ่งในเสาหลัก ที่จําเป็นจะต้องมี คือจะคลอดแล้ว แต่พอคลอดมาแล้ว ขอให้ครบ 32 ถ้าในครบไม่ครบ 32 ขอให้มีเรื่องสิทธิ เพราะมันเป็นเสาหลัก นอกจากเรื่องสิทธิแล้ว ยังมีอีกสองตัวที่ผมคิดว่ามันสําคัญสําหรับการจะเปลี่ยนเป็นเปลี่ยนภาคเหนือ ตัว r คือ drive ตัว g คือ governance ดร. บัณฑูร กล่าวมาแล้ว governance ซึ่งปรากฎว่าในสิ่งที่ผมกําลังลุ้นอยู่ คือ เขาแค่เขียนแผนปฏิบัติ แผนปฏิบัติดังกล่าวให้ผู้ว่าเขียนมา ประเด็น คือ พอเขียนมาแล้ว มันต้องทํางานได้จริง เช่น ที่เชียงใหม่ปัญหามันอยู่ที่สมมติว่าอยู่ที่ดอยหลวงเชียงดาวและอยู่ที่ป่าออกหลวงจะต้องเอาเครื่องมือเศรษฐศาสตร์ เอาเครื่องมือการเปลี่ยนประชาชนเอานู่นเอานี่ไปเปลี่ยนในระหว่างปี ปรากฏว่าในพื้นที่ดังกล่าวนั้น เป็นของเป็นเขตของอุทยานของอธิบดี ต้องทํางานร่วมกันได้ สมมติถ้าเขียนมาเรียบร้อยแล้วถอดเอามานิดเดียวอ้าวทํางานไม่ได้จริงแสดงว่าไม่ครบ 32 นะ ตรงนี้ผมลุ้นอยู่
การพูดคุยในรายการ เป็นเหมือน Introduction เป็น วิชาพ.ร.บ.อากาศสะอาด 101 ที่อยากให้สังคมมาเรียนรู้การเปลี่ยนผ่านไปสู่การมีอากาศสะอาดไปด้วยกัน สามารถติดตาม “ฟังเสียงประเทศไทย” ทางออนไลน์ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ Local ThaiPBS สำหรับรายการฟังเสียงประเทศไทยวันนี้ ลาไปก่อน สวัสดีค่ะ
ฟังการพูดคุยแบบ UNCUT