เทศกาลศิลปะเพื่อการจัดการภัยพิบัติแม่น้ำโขง

สืบเนื่องจากสถานการณ์ภัยพิบัติด้านอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี 2567 ในทั่วทุกภาคของประเทศไทยรวม 57 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 238,641 ครัวเรือน ในส่วนของภาคอีสานมีจำนวน 15 จังหวัด เป็นจังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขง 6 จังหวัดคือ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร และ อุบลราชธานี ส่วนจังหวัดในลำน้ำสาขา มี สกลนคร อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น  นครราชสีมา มหาสารคาม  ร้อยเอ็ด  ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู

จากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในจังหวัดเชียงราย ในภาคอีสาน และในภาคใต้ สะท้อนสาเหตุหลักที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นอย่างมาก รวมทั้งสาเหตุที่เกิดจากโครงการพัฒนาในประเทศ ตลอดจนระดับภูมิภาค การจัดทำฉากทัศน์เพื่อการตั้งรับ ปรับตัว และตอบโต้ ไม่สามารถทำได้เฉพาะบางพื้นที่ตามขอบเขตการปกครองอีกต่อไป รวมทั้งต้องทบทวนปรับปรุงแผนเผชิญภัยพิบัติ ทั้งก่อน กลาง หลัง ที่ครบมิติ การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น สายน้ำ การจัดการป่าไม้ หมอกควันข้ามพรมแดน การส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานเครือข่ายเฝ้าระวังภัย และแก้ไขปัญหาร่วมกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จำเป็นต้องมีการสรุปบทเรียน เพื่อกำหนดฉากทัศน์ในการพัฒนางานด้านภัยพิบัติในทุกระดับร่วมกัน

คณะทำงานเครือข่ายองค์กรชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้สนับสนุนโครงการ ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเชื่อมโยงชุมชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดกิจกรรมช่วยเหลือเร่งด่วนต่อผู้ประสพภัยพิบัติในภาคอีสานและภาคเหนือ โดยมีภาคีเครือข่ายร่วมด้วยช่วยกันอย่างหลากหลาย อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชน สมาคมเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน (คสข. หรือ Comnet Mekong) และเครือข่ายฮักน้ำโขง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เครือข่ายศิลปิน องค์กรธุรกิจเอกชนในพื้นที่ ได้ดำเนินงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างหลากหลายรูปแบบ

ผลการดำเนินงานสำคัญที่ผ่านมามีการสร้างพื้นที่การทำงานร่วมระหว่างขบวนองค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัด โดยใช้พื้นที่จังหวัดหนองคายในการดำเนินงานนำร่อง  มีการสำรวจข้อมูลเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง  ในพื้นที่ 23 ตำบล 6 อำเภอ ข้อมูล ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2567  พบว่ามีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดจำนวน 681 ครัวเรือน มีประชากรได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 2,547 คน ซึ่งเป็นเพียงบางส่วนจากพื้นที่ที่ประกาศภัยพิบัติทั้งหมดของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จังหวัดหนองคายที่มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติรวมทั้งสิ้น 9 อำเภอ 52 ตำบล  นั่นหมายถึง ผู้ประสพภัยจำนวนครัวเรือน 3,207 ครัวเรือน  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ที่ตกสำรวจ รวม 26 ตำบล และ 3 อำเภอ  วงเงินการเยียวยา ที่รัฐต้องจ่ายรวม 28,863,000 บาท อ้างอิง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย,สืบค้น 27 ตุลาคม 2567 นับเป็นตัวเลขความสูญเสียที่รัฐได้ดำเนินการช่วยเหลือซึ่งเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น พม.หนึ่งเดียว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการ ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้ประสบภัยน้ำท่วม หนองคาย คณะทำงานจังหวัดหนองคาย ได้พยายามที่จะจัดทำแผนงานโครงการเพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนภายใต้โครงการที่อยู่อาศัย ชั่วคราว กรณี ไฟไหม้ ไล่รื้อภัยพิบัติ จ.หนองคาย ในวงเงินช่วยเหลือ 3,446,405 บาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงาน

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดำเนินงานทั้งในด้านการค้นหาสาเหตุ การป้องกัน แก้ไขปัญหาในระยะยาว ได้มีการดำเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติแบบชุมชนมีส่วนร่วม ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบลโพนสา ตำบลกองนาง ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย  โดยใช้กระบวนการถอดบทเรียนแบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทภาระกิจของสภาองค์กรชุมชนและกองทุนสวัสดิการชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการภัยพิบัติของชุมชนโดยเฉพาะกรณีน้ำท่วม เพื่อร่วมกันถอดและสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม ก่อน ระหว่า หลัง และกำหนดแนวทางและแผนปฎิบัติการในการรุก รับ ปรับตัวต่อภัยพิบัติน้ำท่วมได้ร่วมกัน ตลอดจนร่วมกันกำหนด กลไกโครงสร้างในการจัดการภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลนำร่อง เพื่อให้เกิดการรับรู้และเห็นความสำคัญในการจัดทำแผนในการเชื่อมเครือข่ายความร่วมมือของพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในอนาคต

ระหว่างการดำเนินงานวิจัยเชิงปฏิบัติการดังกล่าว คณะทำงานเครือข่ายองค์กรชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ค้นพบข้อมูลและข้อเสนอแนะสำคัญทั้งปัจจัยภายในประเทศ และปัจจัยระหว่างประเทศในส่วนผลกระทบข้ามพรมแดนที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำสายหลักคือแม่น้ำโขง  เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเชื่อมประสานภาคส่วนต่างๆ ทั้งเครือข่ายองค์กรชุมชนในลักษณะภูมินิเวศ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน โดยเฉพาะกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ผู้ว่าราชการจังหวัดริมฝั่งโขง  และคณะกรรมาธิการลุ่มน้ำโขง ซึ่งมี สทนช. เป็นหน่วยงานสำนักงานเลขานุการในส่วนของประเทศไทย และแน่นอนว่า ประเด็นร่วมกันคือการบริหารจัดการน้ำร่วมระหว่างประเทศที่ใช้แม่น้ำโขงร่วมกันท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศโลก

ปัญหาอุปสรรคที่พบหลักๆ จากการถอดบทเรียนคือ ช่องว่างการป้องกัน แก้ไขปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นคือ การขาดการทำงานบนฐานข้อมูลเดียวกัน หน่วยงานต่างดำเนินการตามภารกิจ ขาดการบูรณาการแผนงานจากทุกภาคส่วน และผู้ประสพภัยขาดการมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนเผชิญภัยพิบัติทั้งในระสั้น และระยะยาว  นอกจากนี้ อุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี 2567 ที่มีความรุนแรงมากขึ้น เกิดจากผลกระทบข้ามพรมแดน จะเห็นได้จากกรณีโคลนไหลหลากจากพม่าสู่จังหวัดเชียงราย และการจัดการน้ำจากเขื่อนในประเทศเพื่อนบ้านที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงหนุนสูง และส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันในระดับภูมิภาค คือการทำความเข้าใจเรื่องภัยพิบัติที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง หมอกควันข้ามพรมแดน การสรุปบทเรียนร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกัน แก้ไขปัญหา การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างภาค โดยเฉพาะภาคเหนือภาคอีสาน และเครือข่ายสองฝั่งโขง เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน รวมทั้งการจัดเวทีสาธารณะเพื่อสื่อสารในวงกว้างถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งความร่วมมือที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันในระดับจังหวัด ระดับภาค ข้ามภาคและข้ามพรมแดน

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในระยะยาว จำเป็นที่จะต้องพัฒนาส่งเสริมให้ขบวนองค์กรชุมชนในแต่ละพื้นที่ มีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เป็นเจ้าของปัญหา โดยมีหน่วยงานรัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เป็นกำลังสำคัญในการเสริมหนุน เพื่อให้เกิดการสื่อสารและเชื่อมโยงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 

คณะทำงานเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ร่วมกับสมาคมเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน (คสข.) ตลอดจนภาคีเครือข่ายต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น  จึงกำหนดการจัดเวทีวิชาการและเทศกาลงานศิลปะเพื่อแม่น้ำโขงขึ้น เพื่อนำเสนอข้อค้นพบจากการดำเนินงานโครงการฯ เพื่อนำเสนอเชิงนโยบายต่อภาคส่วนต่างๆ ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต่อการดำเนินงานเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์  ป้องกันแก้ไขปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมโดยชุมชนมีส่วนร่วม ในวันที่ 26-27 มกราคม 2568 ณ จังหวัดหนองคาย

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย

1. เทศกาลศิลปะเพื่อแม่น้ำโขง “น้ำของ หนองคาย ระบายฝัน : เดินสำรวจเมืองหนองคาย วาดภาพระบายสี ฟังดนตรีอีสานคลาสสิก พลิกหนังสือน้ำว่าด้วยน้ำของ จองตั๋วหนังตั้งวงทอล์ค” กับองค์กรภาคีเครือข่ายและภาคประชาสังคมอื่น ระหว่างวันที่ 25-27 มกราคม 2568 ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย (หลังเดิม) โดยคณะทำงานเครือข่ายองค์กรชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับเครือข่ายฮักแม่น้ำโขง  เน้นสื่อสารผ่านนิทรรศการภาพถ่าย การนำเสนอคลิปวิดีโอบันทึกภัยพิบัติน้ำท่วม การจัดเวทีเสวนา และการแสดงดนตรีอีสานคลาสสิค

2. เวทีวิชาการ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม รวมทั้งหมอกควันข้ามพรมแดน กรณีพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดหนองคาย  ข้อค้นพบจากการถอดบทเรียนกรณีศึกษาจังหวัดหนองคาย พัฒนาสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหารือแนวทางการพัฒนากลไกเครือข่ายการดำเนินงานด้านการป้องกัน แก้ไขปัญหาด้านภัยพิบัติภูมินิเวศ ขององค์กรชุมชนในระยะยาว ในวันที่ 26-27 มกราคม 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 1 เทศบาลเมืองหนองคาย

สามาถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและสอบถามรายละเอียดที่ได้ Facebook : สมาคมเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัด ภาคอีสาน

แชร์บทความนี้