1. แผน PDP ฉบับใหม่ สำคัญอย่างไร?
การทำแผน PDP นั้นถือเป็นส่วนหลักของการวางแผนพลังงานของประเทศ (NEP = PDP + EE + AEDP + Oil + Gas) ในระยะยาว (2024-2043) เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดการอุปทาน supply ของพลังงานไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งภายในแผนจะมีขั้นตอนหลักคือ 1. การพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า ควบคู่กับแผนการประหยัดพลังงาน 2. การวางแผนการตอบสนองความต้องการ เช่นการสร้างโรงไฟฟ้า โดยการเลือกชนิดและขนาดโรงไฟฟ้าจะคำนึงถึง ความมั่นคงพลังงาน ราคาค่าไฟฟ้า และผลกระทบเชิงสิ่งแวดล้อม เช่น CO2 emissions และปริมาณมลพิษ เป็นต้น
ประเทศไทยมีเป้าหมายที่แถลงในที่ประชุมระดับโลก COP 26 Glasgow (1/11/2021) ว่าจะเป็นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์สุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 และจะลดคาร์บอนในปี 2030 ให้เหลือไม่เกิน 333 MT (2023 = 257.77 MT)
จากการศึกษา Green PDP ของทีมวิจัย Pro Green พบว่า เราสามารถปล่อยคาร์บอนสุทธิจากการผลิตไฟฟ้าเป็นศูนย์ ได้ภายในปี 2050 หรือ แม้กระทั่ง 2040 โดยมีความมั่นคงทางพลังงานเพียงพอสำหรับทุกชั่วโมงของปี มีราคาที่เหมาะสม และมีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่ำได้ โดยต้องเริ่มจากวันนี้ เพื่อไม่ให้เราต้องเดินผิดทางและเสียโอกาสไป
สิ่งที่เราต้องเตรียมพร้อม มีดังนี้
1. เราต้องเร่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนโดยเร็ว เช่น ลม แสงอาทิตย์ (2050 = อย่างน้อย 250,000 MW) ชืวมวล ก๊าซชีวภาพ พลังงานน้ำขนาดเล็ก
2. เราต้องลงทุนระบบสายส่ง การจัดการพลังงาน และแหล่งกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (2050 = อย่างน้อย 5,000 MW) โดยเร็ว
3. เราต้องหยุดการพัฒนาโรงไฟฟ้าฟอสซิลและโครงสร้างพื้นฐานเชื้อเพลิงฟอสซิล เพราะท้ายสุดจะไม่สามารถเดินเครื่องได้เนื่องจากไม่สามารถจัดการการปลดปล่อย CO2 ในราคาที่แข่งขันได้ ได้ทัน หากยังยืนยันที่จะพัฒนาแนะนำ ต้องให้เอกชน เป็นผู้รับความเสี่งเอง โดยไม่นำสัญญา take or pay มาผูกกับค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่าย (อ้างอิง 1)
2. ปัญหาการที่ PDP ใหม่ (ของรัฐ) ยังไม่เปิดออกมาให้ประชาชนเห็น สิ่งที่ประชาชนต้องจ่ายคืออะไร?
PDP เป็นเสมือน road map ที่กำหนดทิศทางการผลิตไฟฟ้าของประเทศ มีความสำคัญและส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาค่าไฟฟ้า และความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
ที่ผ่านมา PDP ของประเทศมีการปรับปรุงทุก 3 ปี 2012 2015 2018 แต่เราไม่มีการปรับปรุงอีกเลยนับจาก PDP2018 (เมษายน 2562/2019) และ PDP2018 Rev 1 (ตค 2020) จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าความล่าช้าที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด เท่าที่รับฟัง น่าจะมาจาก การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ความไม่ต่อเนื่องของทิศทางนโยบายพลังงาน ความหลากหลายของแนวคิด เพราะต้องยอมรับว่าในบริบทสังคมโลก ก็มีการต่อสู้ทางความคิดระหว่าง สร้างความมั่นคงทางพลังงาน หรือสร้างความยั่งยืนทางพลังงาน อยู่อย่างหนักหน่วง
ความล่าช้านี้ทำให้ ประเทศไทยต้องเสียโอกาสการพัฒนา เสียเปรียบการแข่งขันระหว่างประเทศ แผนที่เราใช้อยู่เป็นแผนที่ออกแบบตั้งแต่ก่อนมีโควิด เรายังยืดและเดินตามแผนการสร้างโรงไฟฟ้าอย่างไม่ลดละ สวนทางกับกำลังการผลิตที่ล้นเกินจนเป็นภาระค่าไฟฟ้าที่สูงเกินควร แบบไม่ต้องมีใครรับผิดชอบเลย
3. อยากได้ไฟฟ้าสะอาดก็ต้องแพง ประชาชนจ่ายไม่ไหวจริงหรือ?
ตรงนี้เป็นแนวคิดที่ล้าสมัยมาก เทคโนโลยีไฟฟ้าสะอาด ควบคู่กับการจัดการพลังงาน เช่น การกักเก็บพลังงานและการพยากรณ์กำลังการผลิตล่วงหน้า ได้พัฒนาขึ้นมากและมีราคาถูกลงมากจนสามารถแข่งขันได้กับพลังงานฟอสซิลได้แล้ว
ในทางตรงกันข้ามการยึดมั่นและเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานฟอสซิล เช่นก๊าซธรรมชาติเหลว กลับกลายเป็นความเสี่ยงที่ค่าไฟฟ้าจากแพง และสินค้าที่ผลิตจากไฟฟ้าฟอสซิลเหล่านี้ก็จะถูกกีดกันด้วยกำแพงภาษี อุตสาหกรรมโรงแรมของไทยก็อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวได้น้อยลง
จะเห็นได้ว่า ค่าไฟฟ้านั้นมีทั้งส่วนที่เราจ่ายโดยตรงในบิลค่าไฟ และโดยอ้อม เช่น ความสามารถการแข่งขันประเทศ สิ่งแวดล้อม การที่ต้องพึ่งพาต่างประเทศ เงินตราที่ไหลออก ผลกระทบโลกร้อน ด้านการเกษตร ท่องเที่ยว ภัยพิบัติ เป็นต้น
4. ทำไมประชาชนต้องรู้เรื่อง PDP ในเมื่อปัจจุบันรัฐป็นผู้จัดการไฟฟ้าให้ประชาชนได้ใช้อยู่แล้ว?
ประชาชน ในฐานะพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย เรามีหน้าที่ตรวจสอบ แสดงความเห็น และมีส่วนร่วม ในการทำงานของนักการเมือง และรัฐบาล สิ่งที่เราพยายามเรียกร้องมาโดยตลอดคือการบริหารจัดการไฟฟ้า ให้มีราคาที่เป็นธรรม มีความมั่นคง ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และไม่สร้างผลกระทบเชิงสิ่งแวดล้อมสูงเกินจำเป็น
การตัดสินใจของรัฐบาลบนทางสองแพร่งเปรียบเทียบแล้วเรามีเงินจำกัด เราจะไปทางซ้ายเลือกการพัฒนาบนฐานฟอสซิล ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก มีท่าเรือ LNG terminal ใหม่ เป็น LNG hub ของภูมิภาค หรือเราจะไปทางขวาเลือกพัฒนาบนฐานพลังงานหมุนเวียนและระบบกริดอัฉริยะ ให้มีความมั่นคงพลังงาน บนฐานชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วม ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
ประชาชนอยู่ในฐาน ผู้ใช้ไฟ ผู้ผลิต และจะเป็นผู้ร่วมกำหนดนโยบายได้ไหม?
ได้แน่นอน ประชาชน มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นเรื่อง PDP ผ่านเวทีที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ลงชื่อสนับสนุน และช่วยเผยแพร่ แชร์ข้อมูล สื่อสารผ่านพรรคการเมืองของท่าน เพื่อกดดันให้รัฐและผู้ตัดสินใจ ต้องเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาให้มีความยั่งยืน มากกว่าการมุ่งความมั่นคงเพียงมิติเดียว
5. ออกแบบแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าใหม่อย่างไรที่ไม่ใช่แค่จ่าย แต่ให้ประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศชาติพัฒนา และสิ่งแวดล้อมเกิดความยั่งยืน?
แน่นอนว่า สิ่งที่เราอยากเห็นคือ แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ ต้องเป็นแผนที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ราคาไฟฟ้าที่เป็นธรรม ทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก สิ่งที่ต้องการเห็นเกิดขึ้นใน PDP นี้มีมากมาย (อ้างอิง 2) เช่น
1. การกำหนดโควต้ากำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนภาคประชาชน และชุมชน เช่น เป้าหมาย กำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์บนหลังคาในสัดส่วนที่เหมาะสม
2. การหยุดสร้างโรงไฟฟ้าฟอสซิลใหม่ และหยุดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติเหลว ที่เอาค่าใช้จ่ายมาผูกกับค่าไฟฟ้าแบบ take or pay ผ่านค่าพร้อมจ่าย
3. การลดการนำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศ หันมาพึ่งพาตนเอง สร้างความมั่นคง ลดเงินตราไหลออก และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน
4. การพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม ไม่สูงเกินจริง เพื่อปิดประตูการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ไม่ต้องเดินเครื่อง
5. การลงทุนพัฒนาระบบจัดการไฟฟ้าอัจฉริยะ สายส่งและระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับปริมาณไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และความผันผวนที่เพิ่มขึ้น ด้วยเทคโนโลยี AI สามารถใช้ข้อมูลไฟฟ้าออกแบบ smart grid ที่ดีที่ของประเทศได้แล้ว คล้ายกับการออกแบบโครงข่ายระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ต
ระยะยาวเราต้องการเห็นการยกเครื่องการวางแผน PDP ต้องมีความอิสระ ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน มีความรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้น มีองค์กรระดับกลยุทธ์ที่เป็น Think Tank ทำวิจัยและวิชาการที่เข้มข้น ในการมองภาพระยะยาว ตั้งเป้าการพัฒนาพลังงานร่วมกันทั้ง 5 แผน ก่อนการวางแผนย่อยต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องกัน และที่สำคัญต้องไม่เอาคนขายบุหรี่มาวางแผนการลดสูบบุหรี่เด็ดขาด ตัวอย่างโมเดลที่ดีเป็นของญี่ปุ่นมีองค์กร NEDO ที่เป็นหัวสมองด้านพลังงานให้กับรัฐ ปราศจากการแทรกแทรงทางการเมือง (อ้างอิง 3)
อ้างอิง 1
อ้างอิง 2
อ้างอิง 3