ระหว่างวันที่ 24 – 25 มี.ค. 2568 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเทศบาลนครพิษณุโลกในวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค. ที่จะถึงนี้ Locals Voice ฟังเสียงประเทศไทย ฟังเสียงคนท้องถิ่น โดยทีมองศาเหนือและทีมห้องทดลองปัญญารวมหมู่ สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ ไทยพีบีเอส ออกเดินทางมายังนครพิษณุโลก ออกมาจัดกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ ร่วมกับนิสิตสาขารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สำรวจความต้องการ และโจทย์การพัฒนาเร่งด่วนที่ตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ ณ สวนริมน่าน และตลาดใต้ ซึ่งประมวลผลจากกลุ่มตัวอย่างที่ร่วมกิจกรรมได้ผลที่น่าสนใจ ดังนี้
ความต้องการพื้นฐานที่สำคัญที่สุด น้ำประปาและโครงสร้างพื้นฐาน
จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าประชาชนในเทศบาลนครพิษณุโลกให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสาธารณูปโภคและการก่อสร้างมากที่สุด (18.35%) โดยเฉพาะประเด็นเรื่องน้ำประปา ประชาชนต้องการน้ำประปาที่ “ไหลแรง” “สะอาด” “มีมาตรฐานสากล” และ “ไม่ขาดตอน” สะท้อนให้เห็นว่าการเข้าถึงน้ำสะอาดยังเป็นปัญหาพื้นฐานที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ประชาชนยังให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบสายไฟ (“เสาไฟไร้สาย” “ถนนไร้สาย”) ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสวยงามให้เมืองแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนอีกด้วย ความต้องการให้มี “ไฟเขียวไฟแดงทุกแยกมีเวลานับถอยหลัง” แสดงให้เห็นถึงความต้องการระบบจราจรที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มความปลอดภัยในการสัญจร
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการค้าและตลาด
ด้านอาชีพและการพาณิชย์ได้รับความสำคัญเป็นอันดับสอง (16.22%) โดยมีประเด็นสำคัญคือการปรับปรุงตลาดสดให้ “สะอาดสวยงามน่าเดินจับจ่ายซื้อของ” ตลาดเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชุมชน การปรับปรุงตลาดจึงไม่เพียงเป็นการยกระดับสุขอนามัย แต่ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นโดยตรง
ประเด็นเรื่อง “ค่าข้าวที่มีราคาถูก ชาวนาเดือดร้อน” สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองกับชนบทโดยรอบ และการที่ประชาชนตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างราคาสินค้าเกษตรกับความอยู่ดีมีสุขของเกษตรกร
ระบบขนส่งสาธารณะ ความต้องการที่ถูกละเลย
แม้ว่าระบบขนส่งสาธารณะจะไม่ได้ถูกจัดหมวดหมู่เป็นปัญหาหลักแต่เป็นประเด็นที่ประชาชนกล่าวถึงซ้ำหลายครั้ง ความต้องการ “ระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพและมีราคาย่อเยา มีปริมาณรถเพียงพอในเวลาเร่งด่วน และรักษาสิ่งแวดล้อม” และ “ระบบขนส่งสาธารณะที่ฟรี และมีทุกชั่วโมง ระบบรถรางที่ไปได้ทั่วเมือง” แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการระบบขนส่งที่เข้าถึงได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ความต้องการนี้สะท้อนปัญหาการเดินทางในเมืองที่อาจทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสในการทำงานหรือการเข้าถึงบริการสาธารณะ (“รถม่วงบางทีก็จำกัดเวลาทั้งที่เราทำงานไม่เสร็จก็ต้องกลับแล้ว ไม่สะดวก”)
สุขภาพและสิ่งแวดล้อม สุขภาพเมืองจากบริการปฐมภูมิ
ด้านสาธารณสุข (10.64%) และด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (10.11%) มีความเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ ประชาชนต้องการ “การพัฒนาบริการปฐมภูมิ ที่มีแพทย์ครอบครัวและทีมสุขภาพ” ควบคู่ไปกับการมี “อากาศสะอาด” และการจัดการปัญหามลพิษต่างๆ
ข้อเสนอเรื่อง “สวนตรงแยกบิ๊กซี ควรมีเครื่องวัดฝุ่น และต้องปลอดบุหรี่ 100%” สะท้อนความตระหนักในเรื่องผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสุขภาพ (“ไปวิ่งแต่ละวันเจอนักตะกร้อสายมะเร็งปอด พ่นควันบุหรี่ให้ดมทุกวัน”) แสดงให้เห็นถึงความต้องการพื้นที่สาธารณะที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี
ความปลอดภัยและความเป็นระเบียบ มิติที่ซ้อนทับคน สัตว์ สิ่งของ
ด้านรักษาความสงบเรียบร้อย (10.37%) มีการกล่าวถึง “จัดระเบียบเมือง ปลอดภัย สะอาด สงบ” ซ้ำหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าประชาชนมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความเป็นระเบียบของเมืองกับความปลอดภัยและความสงบสุข
ประเด็นเรื่อง “สุนัขจรจัด” ที่ถูกกล่าวถึงหลายครั้งเป็นตัวอย่างของปัญหาที่เชื่อมโยงระหว่างความปลอดภัยสาธารณะกับการจัดการเมือง (“หมาจรเยอะมาก ไม่มีคนคุมเลย ต่อไปจะอันตราย”)
การศึกษาและพื้นที่แห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล
แม้ว่าด้านการศึกษาจะได้รับการจัดอันดับความสำคัญเป็นอันดับหก (9.57%) แต่ข้อเสนอเกี่ยวกับ “ห้องสมุดที่น่าใช้งาน โล่ง แสงเพียงพอ” และ “co-working space” สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการทำงานและการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ความต้องการ “การศึกษาที่ทันโลก” แสดงให้เห็นว่าประชาชนเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาที่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของโลก
ทางเท้าเพื่อคนทั้งมวล ความเท่าเทียมในพื้นที่สาธารณะ
ด้านเคหะและชุมชน (8.51%) มีการเน้นเรื่อง “ทางเท้าเพื่อคนทั้งมวล” และ “ฟุตบาทเดินได้” ซึ่งสะท้อนความต้องการพื้นที่สาธารณะที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่ม รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ ประเด็นนี้แสดงให้เห็นถึงความตระหนักเรื่องความเท่าเทียมในการใช้พื้นที่สาธารณะและสิทธิในการเข้าถึงเมืองของประชาชนทุกกลุ่ม
บทสังเคราะห์ สู่การพัฒนาเมือง 5 ด้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
จากการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถสรุปประเด็นสำคัญเพื่อการพัฒนาเทศบาลนครพิษณุโลกได้ดังนี้
- การจัดการกับความต้องการพื้นฐาน ระบบน้ำประปาที่มีคุณภาพและเพียงพอเป็นความต้องการเร่งด่วนที่สุด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเมืองในด้านอื่นๆ
- การสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ระบบขนส่งสาธารณะที่ดีไม่เพียงแก้ปัญหาการเดินทาง แต่ยังส่งผลต่อการลดมลพิษ การเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตโดยรวม
- การบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาตลาดสดควบคู่ไปกับการจัดการสิ่งแวดล้อมจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นไปพร้อมกัน
- การสร้างพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ ทางเท้าที่ใช้งานได้จริง พื้นที่สีเขียวที่ปลอดมลพิษ และการจัดการความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างเมืองที่น่าอยู่
- การพัฒนาพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับศตวรรษที่ 21 ห้องสมุดทันสมัยและพื้นที่ co-working space จะช่วยเตรียมความพร้อมประชาชนสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล
ความท้าทายของเทศบาลนครพิษณุโลกคือการพัฒนานโยบายที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันก็วางรากฐานสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว การให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายจะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ตรงกับความต้องการและสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันในการพัฒนาเมือง
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบอกความต้องการที่ตอบโจทย์คนพื้นที่และคนที่ใช้ชีวิตในนครพิษณุโลกได้ที่ หรือร่วมตอบได้ที่ลิงก์นี้
และร่วมติดตามแคมเปญ เทศบาลใกล้ฉัน แพลตฟอร์มเพื่อการจัดการพื้นที่อย่างมีความหมาย สามารถเข้าไปทดสอบระบบและแนะนำการพัฒนา ความต้องการใช้งาน โดยทีมงานห้องทดลองปัญญารวมหมู่จะเปิดแพลตฟอร์มภายในเดือนมีนาคม 68 นี้
ข้อมูลพื้นฐานของเทศบาลนครพิษณุโลก เทศบาลนครพิษณุโลก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 18.26 ตารางกิโลเมตร ในปี 2559 มีประชากร 68,898 ขณะที่ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 มีประชากร 60,827 คน ประชากรของเทศบาลนครพิษณุโลกลดลง 11.71% ในระยะเวลา 8 ปี และมีความหนาแน่นประชากร ณ เดือนธันวาคมปี 2567 อยู่ที่ 3,331 คนต่อตารางกิโลเมตร ความหนาแน่นประชากรที่ 3,331 คนต่อตารางกิโลเมตรของเทศบาลนครพิษณุโลกถือว่าอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเทศบาลเมืองทั่วไปในประเทศไทย เมื่อเทียบกับเทศบาลนครและเทศบาลเมืองอื่นๆ ในประเทศไทย – กรุงเทพมหานคร 5,300-5,900 คนต่อตารางกิโลเมตร – เทศบาลนครเชียงใหม่ 2,000-2,500 คนต่อตารางกิโลเมตร – เทศบาลนครหาดใหญ่ 3,000-3,500 คนต่อตารางกิโลเมตร – เทศบาลนครขอนแก่น 2,500-3,000 คนต่อตารางกิโลเมตร |