
เรียบเรียง โดย ธีรนันท์ ขันตี : อาจารย์ประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ,ประธานหน่วยบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการสื่อสารและการเผยแพร่ (นขส.) ภาคอีสาน : โครงการวิจัยการพัฒนาระบบกลไกและกระบวนการสื่อสารเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ สนับสนุนโดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)


ผมมีโอกาสได้ไปร่วมโครงการ Seminar on Eco-city Construction for Developing Countries : การสร้างเมืองเชิงนิเวศสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ระหว่างวันที่ 15-28 เมษายน 2568 ณ กรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ภายใต้ความร่วมมือของกรมป่าไม้ สนับสนุนโดย กระทรวงพาณิชย์จีน
ในภาคบรรยายมีหลายหัวข้อที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นที่ผมสนใจฟังและพยายามสรุบใจความสำคัญมากเป็นพิเศษคือ หัวข้อ “การบรรเทาความยากจนอย่างมีเป้าหมายในประเทศจีน” บรรยายโดย รองศาสตราจารย์ Bian Mingming ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือระหว่างประเทศและการฝึกอบรม สถาบันการจัดการป่าไม้และทุ่งหญ้าแห่งชาติจีน (NAFGA) (วันที่ 18 เมษายน 2568 ณ NAFGA กรุงปักกิ่ง) โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
ความหมายของความยากจนและมาตรฐานความยากจนของจีน
ความยากจนของจีนส่วนใหญ่เกิดในเขตชนบท เส้นแบ่งความยากจนทางการเงินล่าสุดอยู่ที่รายได้ 2,300 หยวนต่อคนต่อปี (ประมาณ 2.3 USD ต่อวัน PPP :Purchasing Power Parity ปี 2011) ใช้เกณฑ์ประเมินจากการขาดการเข้าถึงบริการสาธารณะ เช่น การศึกษา สุขภาพ และที่อยู่อาศัย
พัฒนาการของนโยบายการลดความยากจนของจีน
แบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก ประกอบด้วย
1) ก่อนปี 1978 : เน้นการปฏิรูปเกษตร
2) 1978–1993 : เริ่มแผนการลดความยากจน
3) 1994–2010 : การพัฒนาหมู่บ้านยากจนแบบองค์รวม
4) 2011–2020 : การบรรเทาความยากจนอย่างมีเป้าหมายตามนโยบายของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง โดยยึดหลัก “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
มาตรการบรรเทาความยากจนแบบมีเป้าหมาย
ด้วยการสร้างระบบบริหารจัดการแบบบูรณาการจากระดับประเทศถึงหมู่บ้าน มีระบบ “เลขานุการคนแรก” ในแต่ละหมู่บ้านยากจนและใช้ฐานข้อมูลการระบุตัวครัวเรือนยากจนแบบเฉพาะเจาะจง มีรัฐวิสาหกิจและองค์กรภาครัฐเข้ามาจับคู่ช่วยเหลือในแต่ละมณฑลยากจนและเสริมด้วยมาตรการสนับสนุนอื่น ๆ เช่น พัฒนาเกษตรกรรมและป่าไม้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชนบท สร้างงานผ่านอุตสาหกรรมแรงงานเข้มข้น ปรับปรุงระบบประกันสุขภาพ การศึกษาและสวัสดิการ โครงการย้ายถิ่นฐานจากพื้นที่เสี่ยงภัย
บทบาทของเศรษฐกิจสีเขียวและป่าไม้ในการบรรเทาความยากจน
ประเทศจีนมีพื้นที่ป่ามากกว่า 25% ของประเทศ โดยมีพื้นที่ป่าชนบท (ป่ารวม) เป็นทรัพยากรสำคัญในการสร้างรายได้แก่เกษตรกร รัฐบาลได้ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการถือครองป่ารวม มีการมอบสิทธิ์ในการจัดการป่าให้ครัวเรือน ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้จากการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบท

ผลลัพธ์
ใน ปี พศ.2564 ( คศ.2021) ประเทศจีนประกาศขจัดความยากจนขั้นรุนแรงสำเร็จประชาชนเข้าถึงอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย การศึกษา และสุขภาพ ส่งเสริมความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรีในชีวิตให้กับประชาชนและได้มุ่งสู่เป้าหมายใหม่คือการฟื้นฟูชนบทและการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศจีนจะพบว่า การบรรเทาความยากจนอย่างมีเป้าหมาย” (Targeted Poverty Alleviation) ของประเทศจีน เป็นยุทธศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการผสานแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตชนบท ภายใต้กรอบแนวคิดนี้จีนไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยวิธีการทั่วไปเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการกำหนดเป้าหมายอย่างจำเพาะเจาะจง เช่น การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายรายครัวเรือน การพัฒนาแบบบูรณาการในแต่ละท้องถิ่น และการส่งเสริมให้คนยากจนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาอย่างแท้จริง
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวในพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากการพัฒนาในเขตมณฑลที่มีทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เช่น มณฑลกุ้ยโจว มณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง โดยรัฐบาลได้สนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกพืชเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ถั่ว ส้ม ป่าไผ่ หรือไม้เศรษฐกิจ พร้อมทั้งจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรและระบบการตลาดท้องถิ่น เพื่อเชื่อมโยงผลผลิตกับห่วงโซ่อุปทานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในเวลาเดียวกัน จีนยังให้ความสำคัญกับการจัดการและอนุรักษ์ป่าไม้ โดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การปลูกป่าด้วยระบบสมาร์ทเทคโนโลยี การติดตามความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศด้วยดาวเทียม และการฝึกอบรมบุคลากรในระดับหมู่บ้านให้เป็นผู้ดูแลรักษาป่าอย่างมีประสิทธิภาพ
นโยบายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ลดอัตราความยากจนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ หากแต่ยังช่วยส่งเสริมให้เกิด “วัฒนธรรมป่าไม้” (Forest Culture) ในระดับชุมชน ซึ่งกลายเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความยากจนและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ การบูรณาการระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรท้องถิ่น ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยเชิงพื้นที่ การจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการเผยแพร่ผลสำเร็จของโมเดลการพัฒนานี้ไปสู่สาธารณะ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้และแรงสนับสนุนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
กล่าวได้ว่า “การบรรเทาความยากจนอย่างมีเป้าหมาย” ผ่านเศรษฐกิจสีเขียวในภาคป่าไม้ มิได้เป็นเพียงนโยบายของรัฐเท่านั้น หากแต่เป็นเครื่องมือในการสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่กำลังมองหาแนวทางใหม่ในการพัฒนาอย่างครอบคลุมและยั่งยืนในศตวรรษที่ 21″

ที่มา : ข้อมูลนี้ถอดใจความสำคัญจากการบรรยายหัวข้อ “การบรรเทาความยากจนอย่างมีเป้าหมายในประเทศจีน” โดย รองศาสตราจารย์ Bian Mingming ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือระหว่างประเทศและการฝึกอบรม สถาบันการจัดการป่าไม้และทุ่งหญ้าแห่งชาติจีน (NAFGA) (วันที่ 18 เมษายน 2568 ณ NAFGA กรุงปักกิ่ง) โครงการ Seminar on Eco-city Construction for Developing Countries : การสร้างเมืองเชิงนิเวศสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ระหว่างวันที่ 15-28 เมษายน 2568 และให้ AI ในการช่วยสังเคราะห์ข้อมูล
เรียบเรียง โดย ธีรนันท์ ขันตี : อาจารย์ประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ,ประธานหน่วยบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการสื่อสารและการเผยแพร่ (นขส.) ภาคอีสาน : โครงการวิจัยการพัฒนาระบบกลไกและกระบวนการสื่อสารเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ สนับสนุนโดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)