แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่นับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ถือเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ว่า เมืองเชียงใหม่จะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมได้หรือไม่ หลังจากมีความพยายามผลักดันและขึ้นสู่บัญชีเบื้องต้น(Tentative List) มาแล้วจนจะครบ 10 ปี ขณะเดียวกัน ณ วันนี้ มีอีกหลายเมืองในประเทศไทยต่างมีความพยายามเดียวกันอย่างแข็งขัน
โอกาสของเชียงใหม่จะยังมีอยู่ไหม ? ทำไม ? และทำอย่างไร ? มรดกเรา ขยับไปสู่มรดกโลกได้

เชียงใหม่กับเส้นทางสู่มรดกโลก ความคืบหน้าและความท้าทาย
ตั้งแต่ปลายปี 2567 เชียงใหม่เริ่มมีวงพูดคุย การทำความเข้าใจและการประชุมในหลายพื้นที่เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง โดยคณะทำงานเร่งรัดการขับเคลื่อนนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเชียงใหม่เป็นมรดกโลก นำโดย นายบวรเวท รุ่งรุจี อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ประธานสมาคม ICOMOS ไทย (International Council on Monuments and Sites สภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ)และ นายศุภฤกษ์ ภาวิไล คณะทำงานและเลขานุการ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทและอยู่เบื้องหลังการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของเมืองศรีเทพ และภูพระบาท
คณะทำงานชุดนี้จะมาทำหน้าที่สำคัญคือร่างเอกสารต่างๆ เพื่อขอนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ขึ้นบัญชีเป็นแหล่งมรดกโลกให้มีความถูกต้องตามหลักการของ Unesco แต่หัวใจสำคัญคือความร่วมมือและความเข้าใจของชาวเชียงใหม่ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในสถานที่ที่จะเสนอ คือ 7 วัด และกำแพงเมือง คูเมือง ประตูเมืองและแจ่งเมืองเชียงใหม่
28 มกราคม 2568 คณะทำงานฯ ได้นิมนต์คณะสงฆ์และผู้เกี่ยวข้อง ในสถานที่สำคัญต่อการนำเสนอ ประกอบด้วย
วัดเชียงมั่น วัดอุโมงค์ วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง วัดเจ็ดยอด วัดสวนดอก วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ และ แนวกำแพงเมือง ซึ่งรวมถึง 5 ประตู 4 แจ่ง และคูเมือง
นายบวรเวท อธิบายว่า การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก จะมีจุดเน้นคือ “คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล” ที่เน้น 3 ด้าน คือ 1.เกณฑ์การเป็นมรดกโลก 6 เกณฑ์ ที่อาจจะเข้า 2 เกณฑ์ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทั้งหมด 2.ความครบแท้ สมบูรณ์และหรือความเป็นของแท้ดั้งเดิม 3.การปกป้อง คุ้มครองและบริหารจัดการ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งหมายถึงการจะต้องทำประชาพิจารณา การมีแผนบริการจัดการด้านต่างๆ
สำหรับ เกณฑ์การเป็นมรดกโลก 6 เกณฑ์ ประกอบด้วย
1.ตัวแทนที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ด้านศิลปกรรม หรือตัวแทนของความงดงามและเป็นผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดยิ่ง (สุโขทัยและเมืองบริวารเข้าเกณฑ์)
2. เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวนและภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดใดของโลก ซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม (ศรีเทพเสนอเข้าเกณฑ์นี้)
3.เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว (สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา บ้านเชียง และศรีเทพ เสนอเข้าเกณฑ์นี้)
4. เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนํรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
5. เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่ซึ่งมีความเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลา
6.มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ เมืองเชียงใหม่มีมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถูกส่งต่อมา ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาอันงดงาม ประเพณีท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน หรือวิถีชีวิตของคนเมืองที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และความทันสมัยอย่างที่หลายคนเคยสัมผัส วัดในเชียงใหม่ส่วนใหญ่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่เป็นเอกลักษณ์ มีการแกะสลักไม้และประดับตกแต่งด้วยลวดลายที่วิจิตรบรรจง สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนช้อยของศิลปะล้านนา ร่วมถึงวัดเหล่านี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งและพัฒนาของเมืองเชียงใหม่ สำหรับ 7 วัด และ 1 แนวกำแพงเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะนำเสนอ จะต้องพิจารณาว่าเข้าเกณฑ์ใด ซึ่งล้วนแต่เป็นสถานที่ที่สะท้อนความเป็นล้านนาที่โดดเด่น และเช่น
วัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นวัดสำคัญของเชียงใหม่ มีพระธาตุเจดีย์สีทองอร่ามเป็นจุดเด่น ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ ซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งเชียงใหม่
วัดเจ็ดยอด หรือ วัดโพธารามมหาวิหาร มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นสถานที่สังคยาณาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลก สร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 20 โดยสมเด็จพระเจ้าติโลกราช ให้หมื่นด้ามพร้าคตถอดแบบพุทธคยามาสร้าง มีสัตตแมหาสถาน 7 แห่งรายรอบ เป็นตัวอย่างสัตตมหาสถานแห่งแรกในไทย และพระไชยเชษฐา กษัตริย์ล้านช้างถอดแบบไปสร้างที่วัดพระธาตุบังพวน และต่อมามีอิทธิพลที่วัดสุทัศน์เทพวราราม
วัดอุโมงค์ หรือวัดสวนพุทธธรรม มีอุโมงค์โบราณที่ขุดขึ้นในเนินเขา มีความสวยงามและร่มรื่น และมีเจดีย์ทรงกลมล้านนาที่เก่าที่สุดที่ยังเหลืออยู่
วัดสวนดอก เป็นสถานที่ตั้งกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ ที่อธิบายการใช้พื้นที่เมืองเชียงใหม่ที่สืบทอดมาสมัยเจ้าแก้วนวรัฐ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำบุญและการปฏิบัติธรรม
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ มีพระเจดีย์ทรงกลมใหญ่และวิหารที่มีความงดงาม
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่
วัดเชียงมั่น เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นพร้อมกับการก่อตั้งเมืองสมัยพญามังราย
แนวคูเมืองและกำแพงเมืองเชียงใหม่ที่มี 4 แจ่ง 5 ประตู และขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรไว้แล้ว
สำหรับจุดเน้น ด้าน ความครบแท้ สมบูรณ์และหรือความเป็นของแท้ดั้งเดิม และการปกป้อง คุ้มครองและบริหารจัดการ และการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงทำให้จะต้องมีแผนการดูแลจัดการ และมีการประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ชุมชนด้วย โดยมีกรอบระยะเวลาเหลือ 8 เดือนเพื่อจัดทำเอกสารให้แล้วเสร็จภายในกันยายน 2568 ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่จะต้องเตรียมความพร้อมตามเงื่อนไขที่จะรับการขึ้นทะเบียน ว่า เพื่อความสำเร็จของเชียงใหม่ที่จะมีอายุครบ 730 ปี ในปี พ.ศ. 2569 คณะทำงานจะเข้าตรวจสอบเพื่อเสนอเป็นมรดกโลก โดยมีข้อเสนอต่อคณะสงฆ์ ตัวเเทนเจ้าอาวาสทั้ง 7 วัด ทั้งในเรื่องกรอบการปรับปรุงพื้นที่ และขอบเขตที่จะเสนอ และทำการประชาพิจารณ์ชุมชน
เตรียมเอกสาร/เตรียมความพร้อมพื้นที่
ด้านการเตรียมความพร้อมพื้นที่ สิ่งที่จะต้องดำเนินการจากนี้คือทำความเข้าใจ มีแผนงานต่างๆ เช่น ปรับปรุงสถานที่สำคัญที่เป็นจุดเน้นให้โดดเด่น เห็นคุณค่า เหมาะสม หรือสิ่งที่แปลกปลอมอาจต้องจัดการออก (เหล็กดัด) มีการจัดระเบียบที่จอดรถ จัดระเบียบร้านค้า ปรับปรุงโขงทางเข้าวัด เป็นต้น เหล่านี้จะต้องมีการหารือและวางแผน ทั้งนี้ การได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ไม่ได้ห้ามทำอะไร แต่มีกฏเกณฑ์ว่า “ไม่สูญเสียความสำคัญ” และมีกฎระเบียบอะไรที่จะปกป้องคุ้มครองดูแลก็แสดงให้เห็น เช่น เทศบัญญัติต่างๆที่มีอยู่แล้ว
“ยกตัวอย่างในแนวกำแพงเมืองและคูเมืองเชียงใหม่ มีเทศบัญญัติเทศบาลนครเชียงใหม่ และคณะอนุกรรมการการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าเชียงใหม่ เช่นการห้ามก่อสร้างอาคารสูง ควบคุมเรื่องโทนสี อยู่แล้ว หรือพื้นที่วัดอุโมงค์ ก็มีเทศบัญญัติเทศบาลตำบลสุเทพกำกับห้ามสร้างตึกสูงเกิน 9 เมตร หรือ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ก็มีกฎหมายของกรมอุทยาน ควบคุมอยู่ ส่วนวัดเจ็ดยอด ถูกขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปกรในเขตวัด ส่วนพื้นที่แนวกันชนจากกำแพงวัดออกไปสี่ด้าน ก็ต้องดึงเทศบาลในพื้นที่เข้ามาร่วมดูแล ผ่านการออกเทศบัญญัติดังนั้น แหล่งมรดกเหล่านี้ จะถูกดูแลโดยกฎหมาย กฎระเบียบที่มีอยู่เดิม เป็นตัวตั้ง”
ด้านการจัดทำเอกสารและ Timeline การเสนอนั้น เมืองเชียงใหม่เหลือกรอบระยะเวลาการทำงาน 8 เดือน ที่จะส่งเอกสารให้คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม ก่อนวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568 โดยต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรี และให้คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม นำเสนอเพื่อให้ผู้แทน ICOMOS เดินทางเข้ามาตรวจประเมินแหล่งโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียน ก่อนจะพิจารณาเสนอให้องค์การ Unesco รับรองการเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ให้ทันวาระครบรอบสมโภชเชียงใหม่ 730 ปี ในปี พ.ศ. 2569
ทำไมเชียงใหม่ต้องรีบ
อันที่จริง เชียงใหม่ได้รับการเสนอและขึ้นบัญชีเบื้องต้น (Tentative List) ตามอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 มาแล้ว เมื่อจุดเริ่มต้น จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ องค์การบริหารจังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยงานต่าง ๆ มุ่งหวังจะปกปักรักษาความเป็นเมืองเมืองเชียงใหม่ที่กำลังเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลทางการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม จึงมีการเสนอให้มีการผลักดันเชียงใหม่เป็นมรดกโลก หรือ World Heritage Site ผ่านที่ประชุมระดับชาติ โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกในขณะนั้น จัดส่งเอกสารนำเสนอไปยังองค์การ UNESCO ที่กรุงปารีส และได้รับการพิจารณา ขึ้นบัญชีเบื้องต้น (Tentative List)
ต่อมา ต้นปี 2559 มีการจัดตั้งโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ตามแนวทางมรดกโลก โดยความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ กลุ่มคณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ และเครือข่ายต่างๆ เพื่อศึกษา ค้นคว้าและจัดทำเอกสารที่อธิบายถึงคุณค่าอันโดดเด่นเป็นสากล (Outstanding Universal Value) ของเชียงใหม่ พร้อมกับการจัดทำร่างขอบเขตพื้นที่ที่จะยื่นขอเสนอเป็นมรดกโลกเป็นการนำเสนอแบบกลุ่ม (Serial Nomination) ได้แก่ พื้นที่ดอยสุเทพ วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ และพื้นที่เวียงเก่าเชียงใหม่ (ชั้นในและชั้นนอก) ซึ่งเป็นพื้นที่ Property Area ที่แสดงออกถึงคุณค่าอันโดดเด่นเป็นสากล และสนับสนุนโดยเกณฑ์การเป็นมรดกโลก (Criteria of Selection) ตามเกณฑ์ข้อที่ 2, 3 และ 4 พร้อมกับการนำเสนอแนวทางการจัดทำแผนบริหารจัดการด้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนของการประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อปี 2563 มีการเสนอแนะถึงการจัดทำเอกสารในหลายประเด็น เพื่อให้เกิดความชัดเจนทั้งด้านชื่อ การบริหารจัดการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ
ปี 2566 จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งคณะทำงานเร่งรัดการขับเคลื่อนนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเชียงใหม่เป็นมรดกโลก มีการกำหนดขอบเขตของสถานที่แหล่งมรดกสำคัญของเมืองเชียงใหม่เพื่อเสนอใหม่ ให้ชัดเจนขึ้น และมีนายบวรเวท รุ่งรุจี อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ประธานสมาคม ICOMOS ไทย ที่เคยเป็นประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการนำเสนอมรดกวัฒนธรรม อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ และอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นมรดกโลก มาเป็นประธานคณะทำงาน รวมถึง ดร.รวีวรรณ ภูริเดช เป็นรองประธานฯ
การเคลื่อนตัวครั้งนี้จึงน่าจับตา เพราะมีเวลาเพียง 8 เดือน ที่คาดหวังจะผลักดันให้เชียงใหม่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกภายในปี 2569 ที่จะครบรอบ 730 ปีของเมืองแห่งวัฒนธรรมศูนย์กลางล้านนาที่ทรงคุณค่ายิ่งในการหวงแหนปกป้องการเป็นมรดกของโลก รวมถึงการสร้างจุดขายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จะต่อยอดเชิงบวกในทุกมิติของพื้นที่ต่อไป
แม้ว่าเชียงใหม่จะมีโอกาสสูงที่อยู่ในบัญชี Tentative List และมีผู้มีประสบการณ์ต่อการเสนอเรื่องเข้าพิจารณาในระดับ ICOMOS และ UNESCO แต่ไทยก็มีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลกนอกเหนือจากเชียงใหม่ คือ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ ระนอง พังงา ภูเก็ต และชุมชนที่อยู่ริมทะเลสาบสงขลา ไม่รวมถึงพื้นที่เมืองน่านที่กำลังแต่งตัวเสนอเช่นกัน และล่าสุด 28 มกราคม 2568 มีมติครม. เสนอแหล่งมรดกโลกวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
ศุภฤกษ์ ภาวิไล คณะทำงานและเลขานุการ คณะทำงานเร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเชียงใหม่เป็นมรดกโลก ระบุว่า ในแต่ละปี Unesco จะขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ประมาณ 35 แหล่ง ปัจจุบันขึ้นทะเบียนบัญชีชั่วคราว (Tentative List) แบบเชียงใหม่ มีราว 800 แห่งทั่วโลก ซึ่งแต่ละปีแต่ละประเทศจะส่งได้เพียง 1 แหล่งเป็นตัวแทนประเทศ เขามองว่าโอกาสที่เชียงใหม่จะได้มรดกโลกยังมีอยู่ ประเด็นสำคัญว่าคนเชียงใหม่จะเอาด้วยหรือไม่ โดยการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเรากำลังทำมรดกโลก เป็นเรื่องของคนเชียงใหม่ทุกคน