อีสานขานข่าว EP 18 : “นครคราฟต์” ปลุกพลังสร้างสรรค์อีสาน: นครพนมสู่เมืองแห่งการเรียนรู้และความสุข

นครพนมกำลังกลายเป็นจุดหมายใหม่ของความคิดสร้างสรรค์ในภาคอีสาน ด้วยงาน “นครคราฟต์” ครั้งแรกที่จุดประกายพลังคนรุ่นใหม่และคนคิดใหม่ในการขับเคลื่อนเมืองให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ศิลปะ และความสุขที่ทุกคนมีส่วนร่วม ผ่านการทำงานร่วมกันของกลุ่ม “คนเคลื่อนเมือง” และภาคีเครือข่ายจากหลายจังหวัด งานนี้ไม่เพียงสะท้อนศักยภาพของนครพนม แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เมืองอื่นๆ ในอีสานลุกขึ้นมาสร้างสรรค์บ้านเกิดของตนเอง

ในรายการ “อีสานขานข่าว” ทางเพจอยู่ดีมีแฮงในเครือไทยพีบีเอส คุณศรีมาลาฌ์ ยะภักดี หรือ “คุณเย” หัวหน้าขบวนการคนเคลื่อนเมือง จ.นครพนม และคุณจักรพันธ์ จันทร์ปัญญา จากเลนส์ไทบ้าน ได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวของ “นครคราฟต์” และการขับเคลื่อนเมืองนครพนม โดยมีคุณสุมาลี สุวรรณกร เป็นผู้ดำเนินรายการ

คุณศรีมาลาฌ์เล่าถึงที่มาของการกลับมาบ้านเกิดหลังจากใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่กว่า 20 ปี “ตอนอยู่กรุงเทพฯ ทำงานสื่อบันเทิง รู้สึกว่าบ้านเราขาดมิติเรื่องสื่อและศิลปะ พอกลับมานครพนมช่วงโควิด ก็อยากนำความรู้ที่ได้มาสร้างอะไรให้เมืองนี้ อยากให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ปลอดภัย และน่าท่องเที่ยว” เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ “นครเรืองแสง” โครงการที่พัฒนามาสู่ “คนเคลื่อนเมือง” และงาน “นครคราฟต์” ซึ่งเน้นการเล่าเรื่องเมืองผ่านศิลปะและภูมิปัญญาท้องถิ่นในมุมมองใหม่ๆ

คุณศรีมาลาฌ์อธิบายว่า “นครคราฟต์” เกิดจากความต้องการนำองค์ความรู้ชุมชนและศักยภาพของคนในพื้นที่มาเล่าเรื่องเมืองให้ร่วมสมัย โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน “เราอยากให้เด็กๆ ได้สัมผัสภูมิปัญญาผ่านการลงมือทำ เช่น ปั้นดิน ทำผ้า เพื่อให้เขาเห็นคุณค่าของกระบวนการ ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์”

เธอยกตัวอย่างกิจกรรมในงานที่แบ่งเป็นสามโซน ได้แก่ โซนเรียนรู้รื่นรมย์ ซึ่งเป็นเวิร์กช็อปสำหรับเด็ก, โซนรัญจวนชวนฝัน ที่ใช้ดนตรีเป็นสื่อเยียวยาและสร้างแรงบันดาลใจ และโซน Book and Cinema ที่มีห้องสมุดเคลื่อนที่และการฉายหนังสั้นจากเด็กนครพนม “วันแรกแจกหนังสือฟรีพันเล่ม คิดว่าจะเหลือ แต่สุดท้ายเหลือไม่ถึงร้อยเล่ม แสดงว่าคนอยากอ่านหนังสือ แต่อาจเข้าถึงยาก” คุณศรีมาลาฌ์กล่าว

ด้านคุณจักรพันธ์ จันทร์ปัญญา จากเลนส์ไทบ้าน มองว่างานนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนมุมมองต่อนครพนม “ผมเห็นแววตาคนที่มาร่วมงาน มันเหมือนเมืองนี้กำลังเปิดโอกาสใหม่ให้ทุกคนได้ฉายแสง นครพนมมีทรัพยากรเยอะ ทั้งแม่น้ำโขง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ แต่ที่ขาดคือพื้นที่ศิลปะที่เชื่อมคนทุกวัย” เขาชี้ว่า “นครคราฟต์” ไม่ได้เกิดจากเงินทุนใหญ่ แต่เกิดจากน้ำใจและการลงแรงของพี่น้องอีสาน “ทุกคนเอาความถนัดมารวมกัน ช่วยกันยก ช่วยกันแบก ยืมของกันไปมา นี่คือเสน่ห์ของงานสร้างสรรค์แบบอีสาน”

ทั้งสองท่านเห็นพ้องว่า “นครคราฟต์” ไม่ใช่แค่งานอีเวนต์ แต่เป็นการสร้างเมืองที่ทุกคนเป็นเจ้าของ คุณศรีมาลาฌ์เน้นว่า “เราไม่อยากให้เมืองนี้ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะมีความฝันแบบไหน” ส่วนคุณจักรพันธ์สรุปว่า “นครคราฟต์คือเมืองแห่งโอกาสที่พี่น้องช่วยกันเปลี่ยน” สำหรับผู้ที่อยากขับเคลื่อนเมืองของตนเอง คุณศรีมาลาฌ์แนะนำให้เริ่มจากความถนัดของตัวเองและความเข้าใจในบริบทพื้นที่ “ลงมือทำเลย สื่อสารด้วยความจริงใจ ชวนคนที่มีเป้าหมายเดียวกันมาร่วม ระหว่างทางจะได้เรียนรู้ไปด้วยกัน”

“นครคราฟต์” ไม่เพียงเป็นงานที่ปลุกพลังสร้างสรรค์ของนครพนม แต่ยังเป็นต้นแบบให้เมืองอื่นๆ ในอีสานเห็นว่า การขับเคลื่อนเมืองไม่ต้องรอภาครัฐหรือเงินทุนใหญ่ แค่เริ่มจากความรักในบ้านเกิด ความจริงใจ และการรวมพลังของคนที่มีฝันเดียวกัน ก็สามารถเปลี่ยนเมืองให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ความสุข และโอกาสสำหรับทุกคนได้ ผู้สนใจสามารถติดต่อกลุ่มคนเคลื่อนเมืองได้ที่เพจ “นครเรืองแสง” เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียและขับเคลื่อนเมืองของตนเองต่อไป

แชร์บทความนี้