นายกเทศบาลเวียงพางคำ เสนอการแก้ปัญหาแม่สายแบบถาวร

(16 ตุลาคม 2567) นายฉัตรชัย ชัยศิริ นายกเทศมนตรีเทศบาลเวียงพางคำ กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาแบบถาวรว่า ภายหลังการส่งมอบพื้นที่ชุมชนหัวฝาย และบ้านถ้ำผาจม ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ที่เป็นพื้นที่รับน้ำสายจุดแรกของ อ.แม่สายหลังจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ มูลนิธิ และจิตอาสาได้ช่วยน้ำโคลนออกจากพื้นที่บ้าน ถนน ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่สามารถกลับเข้าบ้านได้แล้ว

ฉัตรชัย ชัยศิริ นายกเทศมนตรีเทศบาลเวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

ปัจจุบันได้รับมอบนโยบายผ่านทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไปประชุมที่กรุงเทพฯ ในการวางแนวทางระยะยาวในการป้องกันอุทกภัย คิดว่าจะมีเวนคืนพื้นที่เพื่อทำระบบป้องกันน้ำท่วมแบบถาวร คร่าว ๆ ได้มีการคุยหารือกันกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง และสำนักชลประทานจังหวัดเบื้องต้น เพื่อเสนอเรื่องไปยังจังหวัดเชียงราย จะมีการเวนคืนระยะทางจากแม่น้ำประมาณ 40 เมตรจากจุดกึ่งกลางจากลำน้ำสาย เพื่อจะสร้างแนวป้องกันลำน้ำสายตลอดแนว เป็นแนวความคิดที่ทางเราจะเสนอเป็นแนวทางต่อจังหวัดเพื่อจะเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศในการดำเนินต่อไป

“ข้อเสนอนี้เป็นแนวคิดของทางท้องถิ่น เพราะถ้าไม่เสนอแบบนี้เราก็จะประสบปัญหาอุทกภัยทุก ๆ ปีไป ส่วนความเห็นของชาวบ้านนั้น เบื้องต้นเราจะต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านซึ่งมีความหวาดกลัวที่จะต้องเจอในทุก ๆ ปี ว่าเราจะมีการจัดการบริหารอย่างไร ว่าจะมีการย้ายที่อยู่อย่างไรให้เข้าใจกันทุกคนในทิศทางเดียวกัน แล้วจะมีการคุยกันในระยะยาวต่อไป” นายกเทศมนตรีเทศบาลเวียงพางคำกล่าว

นางกัญญาณัฐ  นามจันทร์  อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 69 ม. 1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า หากรัฐจะเวนคืนพื้นที่ส่วนน้อยเพื่อให้ส่วนใหญ่ไม่ถูกน้ำท่วม ก็ต้องยอม ขอให้หน่วยงานรัฐช่วยเราเต็มที่ก็พอใจแล้ว มีที่ให้ทำมาหากิน มีที่หลับที่นอนให้ก็ยอมเหมือนกัน เมื่อสอบถามถึงการต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง นางกัญญาณัฐ กล่าวว่า

“รู้สึกผวาเมื่อฝนตกฟ้าร้องทุกครั้ง มันปวดใจมาก แทบจะไม่หลับไม่นอนเลย”

ด้านนายขุนศึกแม่สาย แอดมินชุมชนคนแม่สายและผู้ประสบภัย กล่าวว่า ถ้ามีการเวนคืนในระยะ 40 เมตร จะมีคนที่ไร้ที่อยู่อาศัย จะมีคนไม่มีเงินไปซื้อที่ จะมีคนที่ไม่รู้ว่าจะไปอยู่อย่างไร เพราะเขาอยู่ตรงนี้มาแต่เล็กแต่น้อย อยู่จนแก่เฒ่า บางคนนั่งเฝ้าบ้าน

“ถ้าต้องเวนคืน 40 เมตรทั้งสองฝั่ง ก็ฝากถึงรัฐบาลว่าเยียวยาเขาอย่างไร ถ้าเขาอยู่ได้ไม่ลำบาก เพื่อส่วนรวมเขาก็จำเป็นต้องเสียสละ ผมอยู่ต้นน้ำเลยผมโดนก่อน ผมจะรู้วิถีของน้ำ แต่ชาวบ้านถ้ามาแบบเดิมอีกอาจจะต้องมีการสูญเสียชีวิตได้มาก เพราะเรารู้ว่ามันระดับไหน”

นายขุนศึกกล่าวว่า ตอนแรกคุยกันที่ระยะ 15 เมตรจากกลางน้ำ  ตนก็คิดว่าไม่พอ เอาตั้งแต่ร้านผมมาเลย ถ้าอยู่เหนือกว่าพนังขึ้นไป ต้องยอมรับสภาพไป แต่ถ้าอยู่ไม่เกิน 40 เมตรจากแม่น้ำก็ต้องยอม แต่ทั้งสองฝั่งปลอดภัยระยะยาว

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้มาตรวจภูมิประเทศพื้นที่สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำตามลำแม่สาย เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลำแม่น้ำสาย โดยได้หารือแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับทางท้องที่ท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม  ประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา เกี่ยวกับเขตแดนคงที่ ช่วงแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก (Thailand- Myanmar Joint Committee Relating to the Fixed Boundary on Mae Sai – Nam Ruak Rivers Sector : JCR)  (ฝ่ายไทย)

ในวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทางจังหวัดเชียงราย นายประสงค์  หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายตัวแทนเข้าร่วมประชุม ณ กระทรวงต่างประเทศ จัดโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายที่ขับเคลื่อนมาตรการบำรุงรักษาลำน้ำและการป้องกันน้ำท่วมช่วงแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก เพื่อหาแนวทางของไทยให้ชัดเจนเพื่อหารือกับทางประเทศเมียนมาในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากลำน้ำสายร่วมกันต่อไป

ภาพและเรื่อง ปิยนันท์ จิตต์แจ้ง

แชร์บทความนี้