เพราะแรงงานข้ามชาติคือส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจไทย และแรงงานทุกคนมีสิทธิในการชุมนุม #วันแรงงานสากล

“ประเทศนี้ไม่ได้มีคนงานแค่คนไทย แต่มีคนต่างชาติด้วยที่ช่วยกันสร้างประเทศนี้ขึ้นมา”

ความเห็นจาก เข็มหมุด สมาชิกสหภาพคนทำงาน หนึ่งในทีมผู้จัดกิจกรรมวันกรรมกรสากล 1 พ.ค. 2025 โดยการเดินขบวนของกลุ่มไรเดอร์, แรงงานยานภัณฑ์, แม่บ้านกองสลาก, Sex Worker, และกลุ่มแรงงานข้ามชาติ เดินจากบริเวณหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไปยังบริเวณหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ

ในนามของผู้จัดงาน เธอเล่าถึงที่มาในการชักชวนแรงงานข้ามชาติมาเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า พวกเขาคือกลุ่มเปราะบาง ที่ถูกกดขี่จากนายจ้างและรัฐโดยไร้อำนาจต่อรอง ดังนั้นในมุมมองของการขับเคลื่อนประเด็นแรงงาน สหภาพคนทำงานมองว่า แรงงานทุกคนต้องเข้มแข็งไปพร้อมกัน

“แรงงานข้ามชาติมีส่วนในการช่วยสร้างเศรษฐกิจของไทยให้เจริญเติบโต พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจไทย การที่ประเทศไทยมีสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงงานข้ามชาติ” เข็มหมุด กล่าว

แรงงานข้ามชาติกังวง ถูกผลักเป็นพลเมืองชั้นสอง ไม่มีสิทธิแสดงออก

ยามิน (นามสมมุติ) หนึ่งในแรงงานข้ามชาติ สัญชาติเมียนมา ที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยมาแล้วกว่า 30 ปี ได้เข้าร่วมงานและกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่เธอตัดสินใจมาร่วมงานวันแรงงานสากลเพราะว่าต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยกลับไปใช้การต่ออายุใบอนุญาตทำงานแบบเดิม

โดยการต่ออายุใบอนุญาตทำงานแบบใหม่หรือที่เรียกว่า Pre-MOU 2568 มีที่มาจากมติ ครม.24 กันยายน 2567 ที่ให้ขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติสัญชาติกัมพูชาและพม่าตามระบบข้อตกลง โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง แต่สามารถขึ้นทะเบียนผ่านสถานทูตได้ แรงงานเมียนมาจึงเกิดความกังวลว่า จากแต่เดิมที่เป็นการลงทะเบียนฝ่ายเดียวของรัฐบาลไทย การลงทะเบียนแบบใหม่นี้สร้างความหวาดระแวงให้กับพวกเขา เนื่องจากจะต้องจ่ายเงินให้รัฐบาลทหารพม่า และรัฐบาลทหารพม่าจะนำข้อมูลของพวกเขาไปใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ดี

“เราไม่ยอมให้เงินรัฐบาลทหารพม่าเพราะพวกเขาเป็นคนไม่ดี แต่เรายินดีจ่ายเงินให้รัฐบาลไทย” ยามิน กล่าว

ปัจจุบันยามินทำงานอยู่ในร้านเสริมสวยได้ค่าแรงวันละ 300 บาท เธอกล่าวว่ารู้สึกกังวลกับกระแสต่อต้านแรงงานข้ามชาติที่รุนแรงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้คนต่างชาติกับคนไทยทำงานร่วมกัน อยู่กันอย่างพี่น้องดูแลซึ่งกันและกัน

ด้าน วีระ แสงทอง แกนนำกลุ่มแรงงานข้ามชาติเมียนมาที่ใช้ชื่อว่า Bright Future ระบุว่า วันนี้มีแรงงานเมียนกว่า 60-70 คนเข้าร่วมกิจกรรม โดยเขาแสดงความกังวลว่ามีคนบางกลุ่มอ้างว่าแรงงานข้ามชาติไม่มีสิทธิในการชุมนุมในประเทศไทย โดยมีความพยายามผลักให้กลุ่มแรงงานข้ามชาติกลายเป็นพลเมืองชั้นสองที่ไม่มีสิทธิในการแสดงออก

“คนทุกคนมีสิทธิชุมนุม” วีระกล่าว พร้อมบอกว่าวันนี้เขารู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายแรงงานกลุ่มอื่นๆ ทั้ง 12 กลุ่ม แต่เขาก็ตระหนักดีว่าการเชิญชวนแรงงานข้ามชาติออกมาร่วมกิจกรรมเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคาม

วีระ แสงทอง แกนนำกลุ่มแรงงานข้ามชาติเมียนมา Bright Future

นักวิชาการมอง การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพของทุกคน

ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านแรงงาน ที่ได้เข้าร่วมงานกิจกรรมวันแรงงานสากล ได้ชี้แจงว่า วันแรงงานสากลเป็นประเพณีที่คนงานทั่วโลกจะออกมาจัดกิจกรรมร่วมกัน การที่ประเทศไทยมีทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติมาร่วมกิจกรรมกันนั้น เป็นการสะท้อนว่าประเทศเรามีคนงานที่หลากหลาย และการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงออกเป็นเรื่องที่ดี พร้อมเป็นการแสดงออกว่าประเทศไทยไม่มีการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ

“มันมีข้อห้ามอะไรที่บอกว่าแรงงานข้ามชาติห้ามชุมนุม กฎหมายบ้านเราไม่ได้ยกเว้น คนที่มาทำงานในประเทศไทยก็ได้รับความคุ้มครองเท่ากับคนงานไทย เป็นสิทธิเสรีภาพของทุกคน” ศักดินา กล่าว

ในฐานะนักวิชาการด้านแรงงาน เขาตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อถึงกรณีที่แรงงานข้ามชาติมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้าน ‘มิน ออง หล่าย’ ผู้นำเผด็จการทหารพม่า ที่มีความพยายามเชื่อมโยงนำประเด็นทางการเมืองเข้ามาในงานกิจกรรม ศักดินามองว่าแรงงานก็คือคนคนหนึ่ง และการเมืองกับคนนั้นแยกกันไม่ได้ เขามองว่าไม่มีอะไรในชีวิตนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และการเรียกร้องประชาธิปไตยควรเป็นเรื่องปกติที่ได้รับการยอมรับ

ศักดินาไม่อยากให้สังคมไทยกังวลเกินเหตุ และในขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่ประเทศไทยมีการรัฐประหาร ก็เป็นเรื่องปกติที่คนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างแดนจะออกมาเคลื่อนไหวแสดงออกต่อต้านเผด็จการ เขามองว่าสังคมไทยต้องมองเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องปกติ และในวันแรงงานสากลนี้ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีการชุมนุมพร้อมกันทั่วโลก

อีกทั้งเขายังกล่าวว่า ประเทศไทยตอนนี้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ ดังนั้นต้องยอมรับว่าประเทศไทยขาดแคลนแรงงานข้ามชาติไม่ได้ และการมีอยู่ของแรงงานข้ามชาติก็ช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย และเมื่อพวกเขาเข้ามาอาศัยอยู่และทำงานในประเทศไทยแล้วนั้น คนไทยก็ควรที่จะเปิดใจรับฟังปัญหาที่พวกเขาสื่อสารออกมา

ทั้งนี้ภายในงานวันกรรมกรสากล ที่จัดขึ้นบริเวณหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ ในช่วงเย็นนั้น มีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายทั้ง วงเสวนา “แรงงานเหมือนกัน คุ้มครองเท่ากัน” ที่ร่วมพูดคุยโดยสหัสวัต คุ้มคง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน, ศรีไพร นนทรีย์ นักเคลื่อนไหวแรงงานและนักจัดตั้งของกลุ่มสหภาพแรงงาน ย่านรังสิตและใกล้เคียง, และเรเน่ เรวิกา ไรเดอร์หญิงและนักเคลื่อนไหวแรงงาน ก่อนที่ในช่วงสุดท้าย จะมีการอ่านแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อยกระดับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

แชร์บทความนี้