ลุงบรรจบหรือลุงแว่นวัย 66 ปี ประธานชมรมผู้สูงอายุ ชมรมคนพิการและอสม.ตำบลป่ามะคาบ จ.พิจิตร เล่าว่า ตนเองอยู่กับภรรยา แต่กอนเป็นคนคอ้วน มีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องไปรับยาหมอกินประจำ แต่ด้วยต้องดูแลภรรยา ต้องทำมาหากิน ทำนา ปลูกผักกิน ออกไปขายของตามตลาดนัด และต้องทำงานช่วยเหลือคนในชุมชน จึงหันมาปรับปรุงตนเองให้เป็นคนสุขภาพดี ปรับอาหารการกิน ลดข้าวเน้นผักผลไม้ที่ปลูกเอง ทั้ง เมนูไข่ต้ม ปลาและน้ำพริก หันมารออกกำลังกายเพื่อเอาพลังงานไปใช้และสร้างความแข็งแรง โดยลุงแว่นจะตื่นมาเดินเร็วและวิ่งช้าๆตอนเช้าประมาณ 40 นาที ระยะทางประมาณ 3กม. และถ้าตอนเย็นมีเวลาก็จะทำแบบนี้อีกอีก 40 นาที ด้วยความที่ลุงบรรจบเป็นคนอารมณ์ดี เป็นคนปล่อยวางไม่เครียด ผ่านไปหลายเดือนคุณหมอบอกว่า ลุงสามารถควบคุมโรคเบาหวานความดันได้ น้ำหนักลดไป 10 กิโลกรัม จนอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะลุงตั้งเป้าไว้ว่า จะเป็นคนที่มีสุขภาพดีเพื่อเป็นหลักชัยให้ครอบครัว และเป็นตัวอย่างและช่วยเหลือสังคมได้


ลุงบรรจบออกไปวิ่งออกกำลังกายทุกวันสุขภาพจึงดีขึ้น
นี่คือหนึ่งเรื่องราวของผู้สูงอายุที่ทำงานร่วมกับมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร ที่คุณหมอสุรเดช เดชคุ้มวงศ์ ได้บอกเล่าให้ฟัง ซึ่งนอกจากลุงบรรจบแล้ว ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุอีกมากมายในจังหวัดพิจิตร ที่มาร่วมกันสร้างสุขภาพของคน 3 วัย ทั้งเด็ก วัยทำงานและผู้สูงอายุ ผ่านบ้าน วัด โรงเรียนและชุมชนที่ทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและร่วมมือกับประชาคมหรือหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชนและกลุ่มปะชาชนต่างๆ พัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่าย ทั้งผู้สูงอายุ เกษตรกร คนพิการ เด็กและเยาวชน ยกระดับความเป็นอยู่ของครอบครัว ตามแนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง รวมถึงส่งเสริมการศึกษา วิจัยและการเผยแพร่วิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นแบบยั่งยืน
ถ้าเปรียบกับคนตอนนี้มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตรก็กำลังอยู่ในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ด้วยอายุ 26 ปี ที่มีพลังเต็มเปื่อมที่จะขยายความรู้เรื่องการทำงานในสังคมสูงวับ จากเดิมในจังหวัดพิจิตรไปสู่ 8 จังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง ภายใต้เครื่องมือสำคัญ “4 ช.” คือ โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย
- โชว์ = ผลงานสร้างสุขของพื้นที่
- แชร์ = ความรู้จากการปฏิบัติ ความรู้จากการได้ไปร่วมเรียนรู้ และความรู้จากประสบการณืที่สั่งสม
- เชื่อม = คน ประเด็นทำงาน และพื้นที่ปฏิบัติการจริง
- ช่วย = สานพลังขับเคลื่อนประเด็นงานในพื้นที่และภาค
ทั้งหมดนี้เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ “เวทีคนเหนือล่างสร้างสุข” เพื่อสร้างสังคมเหนือล่างไม่ทอดทิ้งกัน ที่สอดคล้อง มิติสุขภาพ มิติทางสังคม มิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสิ่งแวดล้อม และมิติทางเทคโนโลยี
แน่นอนว่าปี 2568 จะเป็นก้าวสำคัญที่จะเกิดการขยายผลและรูปธรรมการทำงานเรื่องผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน และอาหารปลอดภัย มีพื้นที่ เวทีแลกเปลี่ยน เพื่อรับฟังความต้องการของพื้นที่ การแชร์ประสบการณ์ สรุปบทเรียน พัฒนาระบบ เช่น ฐานข้อมูล ความต้องการของพื้นที่ และการปรับเครื่องมือของระบบ และกลไกการทำงานเพื่อให้เกิดเพื่อนพ้องที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาในระดับพื้นที่ต่อไป
ข้อมูลจากการประชุมคณะทำงานเพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และขับเคลื่อนโครงการ “เชื่อมประสานภาคีเครือข่ายสุขภาวะภาคเหนือตอนล่าง” วันอังคาร ที่ 28 มกราคม 2568 ณ ห้อง Mini Conference อาคาร CITCOMS มหาวิทยาลัยนเรศวร อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ทีมมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร (ผู้ประสานงานโครงการและองค์กรรับทุน) ทีมวิชาการภาค แกนนำจังหวัด และทีมงานจาก สำนักภาคีสัมพันธ์และวิเทศก์สัมพันธ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ขอบคุณภาพและข้อมูล วรารัตน์ หมวกยอด และสุรเดช เดชคุ้มวงศ์ มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร