“โตขึ้นอยากเป็นอะไร?” คำถามที่หลายคนน่าจะเคยตอบ และบางคนยังคงค้นหาคำตอบอยู่ แต่หากคุณอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ของประเทศ ที่มีตำแหน่งงาน และความหลากหลายของอาชีพ คอยรองรับความฝันในวัยเด็กมันคงเป็นเรื่องง่ายที่จะเดินทางเส้นทางที่เคยฝันไว้ แต่ถ้าบ้านเกิดของคุณอยู่ในพื้นที่เหตุการณ์ความไม่สงบ ติดอันดับ 10 จังหวัดที่รายได้น้อยต่อเนื่อง และข้อท้าทายของกระบวนการพูดคุยสันติภาพ คุณคิดว่าการเดินตามความฝันนั้นจะยากขึ้นเพียง?
แลต๊ะแลใต้ ชวนควังเสียงสะท้อนจากแวรุง (วัยรุ่น) ชายแดนใต้ ในวันที่พวกเขากำลังย่างเข้าสู่วัยแรงงาน พร้อมกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่สุดในไทย อะไรคืออนาคต โอกาส และความฝัน ที่เป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้พวกเขาอาจจะจากบ้านเพื่อไปแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าตามเมืองใหญ่
ซูฟียาน ลือแบซา(ซ้าย) และอัสรอม ดือเระ
“ผมยังมีความฝันว่า 10 ปีข้างหน้าหรือ 15-20 ปีต่อไป จะทำอย่างไรให้เด็ก หรือว่านักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ สามารถมีงานทำในสาขาที่ตัวเองเรียนมาก”
ส่วนหนึ่งของ ความฝันอนาคตชายแดนใต้ ซูฟียาน ลือแบซา นักศึกษากฎหมาย ที่ปัจจุบันฝึกงานอยู่ที่ศูนย์ทนายความมุสลิม เล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันของสามจังหวัดชายแดนใต้ เขามองว่าวันนี้ยังมีโจทย์เรื่องความปลอดภัยที่รัฐต้องเร่งแก้ไข รวมไปถึงการสร้างงานให้เพียงพอรองรับคนในพื้นที่
“ตอนที่เราเกิดมา เหตุการณ์ความไม่งบก็ได้เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว เราเกิดไม่ทัน ในช่วงที่เหตุการณ์กำลังเริ่มต้น ซึ่งเมื่อก่อนก่อน เหตุการณ์มันจะหนักกว่านี้ และรุนแรงกว่านี้ แต่ในตอนนี้เรามีสิทธิที่จะปฏิบัติตามวิถีความเชื่อได้แล้ว ยังมีเรื่องการแสดงออกทางอัตลักษณ์ การแสดงออกทางวัฒนธรรมของเรา ก็ยังถูกปิดกั้นอยู่บ้าง รวมถึงเรื่องความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวัน คิดว่ายังไม่ปลอดภัยมากพอ”
“ผมเรียนนิติศาสตร์ เรียนกฎหมาย ก็อยากให้คนสามจังหวัดมีความรู้ด้านกฎหมายให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง แล้วก็อยากให้เด็กที่เพิ่งเรียนจบมัธยม สามารถที่จะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยมากกว่านี้ เพราะเปอร์เซ็นต์เด็กที่จบมัธยมแล้วได้ไปต่อมหาวิทยาลัยประมาณ 30% บางคนไม่มีความสามารถทางการเงิน และก็ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ และถ้าเราได้เป็นทนาย ก็จะทำงานเพื่อสังคม ช่วยเหลือสังคม”
“การแก้ปัญหาของรัฐในสามจังหวัดชายแดนใต้ คือเราต้องแก้ปัญหาด้านการศึกษา และต้องเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่มีงานทำ เพราะในสามจังหวัดเรานี้มีทรัพยากรมากมาย ถ้ารัฐสามารถสร้างงานที่รองรับคนในสามจังหวัดได้ เงินเดือนที่จ่ายให้พนักงานเหล่านั้นก็จะได้มาหมุนเวียนในพื้นที่สามจังหวัด ปัจจุบันคนสามจังหวัดไปทำงานที่กรุงเทพฯ หรือถ้าเป็นภาคใต้ก็จะไปทำงานที่หาดใหญ่ สงขลา เพราะในสามจังหวัดไม่มีงาน วัยรุ่นที่เพิ่งจบใหม่ก็ต้องไปทำงานไปภูเก็ต”
ข้อมูลจากศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2004 ถึง มีนาคม ปี 2022 มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นทั้งหมด 21,485 ครั้ง บาดเจ็บ 13,641 ราย และเสียชีวิต 7,344 ราย เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ รวมทั้งเรื่องของการศึกษา
การศึกษาของ Uddin and Sarntisart (2020) เรื่อง The Schooling Gap between the Deep South and the Rest of the South in Thailand ได้ทำการเปรียบเทียบการศึกษาของพื้นที่ซึ่งประสบความไม่สงบอย่างสามจังหวัดชายแดนใต้กับจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ของประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ผลการศึกษาพบว่า เด็กในสามจังหวัดชายแดนใต้โดยเฉลี่ยได้รับการศึกษาน้อยกว่าเด็กในจังหวัดอื่น ๆ ของภาคใต้ 0.88 ปี
ซุลกิฟลี แยนา
“อุปสรรคต่อการเรียนรู้ของคนที่นี่คือเรื่องต้นทุนการศึกษา อย่างผมที่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย แล้วก็อยากเป็นทหารเพื่อที่จะได้มีเงินไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพฯ แม้ค่าครองชีพไม่สูง แต่เงินเดือนจะน้อยกว่าในพื้นที่อื่น ถ้าจะมีเงินให้พอต่อเดือนสำหรับผมคิดว่าประมาณ 16,000 บาท”
ซุลกิฟลี แยนา มีความฝันอยากเป็นครู เพราะมองว่าเป็นอาชีพที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตเขาได้ รวมถึงสามารถให้ความรู้กับคนรุ่นหลังได้ แต่ชีวิตปัจจุบันของเขาต้องทำงานไปพร้อมกับการเรียน กศน. ที่สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดยะลา และเมื่อถึงวัยเกณฑ์ทหาร เขาก็จะสมัครเป็นทหารเพื่อจะได้มีโอกาสเก็บเงินมาเป็นทุนในการเดินทางความฝันของตัวเอง
“คาดหวังเรื่องสันติภาพ ความสงบสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ มีพื้นที่ให้เราได้พูดถึงและแสดงความคิดเห็นเรื่องสันติภาพในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้”
อัสรอม ดือเระ (ขวา)
อัสรอม ดือเระ เป็นอีกคนที่ฝันอยากเป็นครู เพราะมองว่าความรู้ที่ตัวเองมีจะช่วยต่อยอดความฝันของคนรุ่นต่อไปได้
“ความฝันของผมคืออยากจะเป็นครู แล้วก็เป็นที่ปรึกษาของน้อง ๆ อยากจะเป็นผู้ให้แนวทางกับน้อง ๆ เราจะเป็นที่ปรึกษา แล้วดูว่าอาชีพไหนที่ยังขาดแคลนในหมู่บ้านของเรา อย่างเช่น หมู่บ้านของเรามีนายก อบต. อยู่แล้ว หรือมีครูอยู่แล้ว เราก็ไปดูว่ายังไม่มีอาชีพไหนอย่างเช่นแพทย์ วิศวกร วิศวกรเอไอ เราก็จะเป็นที่ปรึกษาให้กับน้อง ๆ ก็เพื่อที่จะต่อยอด แล้วก็มาช่วยกันพัฒนาสังคมในสามจังหวัด”
“ผมทำงานอยู่ที่สมาคมบัณฑิตนักศึกษาอัสลามสาขาปัตตานี สมาคมฯ มีทั้งในและต่างประเทศ และค่ายที่จัดก็จะเป็นสภานักศึกษาในโรงเรียนเครือข่าย ซึ่งในสัญลักษณ์ของอิสลามคือความสันติอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่ผมได้ไปพาน้องน้อง ๆ ไปทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง มักจะตอบโจทย์ในด้านของสันติภาพอยู่แล้ว”
“สามจังหวัดยังต้องการทรัพยากรมนุษย์อย่างมาก มีหลายด้านที่ยังไม่ไม่เพียบพร้อม ผมเชื่อแล้วก็มีความฝัน ความหวังว่าวัยรุ่น หรือว่าเยาวชนในอนาคตต่อไป จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมบ้านเรา แต่บ้านเราเงินเดือนมันน้อย การที่เราจะสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กับสังคมบ้านเรา ต้องพัฒนาในเรื่องของเศรษฐกิจเข้าไปเติมศักยภาพเหล่านี้ในระดับชุมชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพื้นที่อย่างแน่นอน”
ศรินทรา ชฎารัตน์ (ขว)
“เราเป็นบัณฑิตอาสา เราทำงานเต็มที่ แต่ค่าตอบแทนไม่เพียงพอต่อความเป็นอยู่ในปัจจุบัน”
ศรินทรา ชฎารัตน์ ฝันอยากจะเป็นครู แต่ปัจจุบันทำงานบัณฑิตอาสา ในพื้นที่ ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ควบคู่กับการเตรียมตัวสอบบรรจุราชการครู ตามความฝัน ขณะเดียวกันก็ยังมีความหวังที่อยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นอีกครั้งในบ้านเกิดของเธอ
“คนในครอบครัวเราได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้เรารู้สึกไม่อยากอยู่ที่นี่ เพราะเรากลัวการสูญสีย เรารู้สึกเจ็บปวด แต่ถามว่าลึก ๆ แล้วยังอยากอยู่ที่นี่หรือเปล่า เราก็อยากอยู่นะ แต่ที่เราอยากไปอยู่ที่อื่นเพราะเรารู้สึกกลัว แต่วันนี้เราเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเรื่องนี้น่าจะมีทางออกที่ดีขึ้น เราคิดว่าถ้าสามารถแก้ปัญหา(เหตุการณ์ความไม่สงบ)ได้ เรามีความเชื่อมั่นมากขึ้น และอยากให้เป็นอย่างนั้น”
“สามจังหวัดชายแดนใต้มีงานจำกัด เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราก็ต้องออกไปทำงานที่อื่น”
“ความฝันของเราคืออยากเป็นครู ถ้าเหตุการณ์สงบเราก็อยากอยู่ที่บ้าน อยากเป็นคุณครูสอนเด็ก ๆ ที่บ้าน อยากอยู่ที่บ้านของเรา ขอแค่ให้เหตุการณ์สงบเท่านั้น อยากให้สันติภาพเกิดขึ้นจริง เพราะนี่ก็ผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว เรายังอยากเห็นความสงบสุข ไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้อยู่กับเราไปจนเราอายุ 30 ปี 40 ปี มันควรจะจบได้แล้ว”
ธันย์ชนก ขุนเมือง (ซ้าย)
ขณะที่ธันย์ชนก ขุนเมือง ที่มีความฝันอยากเป็นปลัด หรือทำงานฝ่ายปกครอง แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของความฝันได้ แต่เธอก็ได้เริ่มชีวิตวัยทำงานตามสายงานที่เรียนจบมา
“เราเรียนจบรัฐศาสตร์มา ก็อยากรับราชการเป็นปลัดฯ แต่บ้านเรามีตำแหน่งงานรองรับน้อย ถ้าไม่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รับราชการ เกษตรกร หรือค้าขาย ก็แทบจะไม่มีงานอื่นให้ นี่เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เด็กจบใหม่ไม่อยู่บ้าน คือเรื่องไม่มีงานทำ มากกว่าเรื่องความไม่สงบ เหตุการณ์ความไม่สงบอยู่กับเรามาตั้งแต่เราเกิด ความรุนแรงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยู่บ้าน แต่มันคือเรื่องของงาน ความมั่นคงในอาชีพ ในการใช้ชีวิต”
“เราอยากให้ค่าครองชีพลดลง ตอนนี้ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ยิ่งแพงขึ้น แต่เงินเดือนของทุกคนยังเท่าเดิม เลยไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตของแต่ละคน ทำให้ทุกคนพยายามออกไปทำงานนอกพื้นที่ ไม่อยากอยู่ในหมู่บ้าน เพราะอยู่ที่นี่แล้วไม่รู้จะทำอะไร”
“ในอนาคตเราก็อยากให้สันติภาพเกิดขึ้นจริง ในรุ่นลูก รุ่นหลานของเรา อยากให้มีความสงบจริง ๆ อย่างเรื่องงบประมาณที่ลงมาในพื้นที่ ถ้าไม่เอางบประมาณเหล่านี้มาใช้สำหรับแก้ปัญหาเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ สามจังหวัดจะมีโอกาสพัฒนาได้มากกว่านี้”
ข้อมูลจากศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2004 ถึง มีนาคม ปี 2022 มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นทั้งหมด 21,485 ครั้ง บาดเจ็บ 13,641 ราย และเสียชีวิต 7,344 ราย เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ รวมถึงปัญหาจากการบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงที่แตกต่างจากพื้นที่อื่นในประเทศไทย มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในหลายกรณี ซึ่งตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหากว่า 500,000 ล้านบาท
ฮายาตี โต๊ะเย็ง
“ความหวังของเรายังคงมีอยู่ ไม่ได้ถูกทำลายโดยใครทั้งนั้น ไม่ใช่เราเท่านั้นที่มีความหวัง เพื่อน ๆ ของเรา คนในครอบครัว พวกเขาก็มีความหวังเหมือนกัน ซึ่งทุกคนก็กำลังทำในสิ่งที่ตัวเองฝัน มันทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถเป็นจิ๊กซอร์ชิ้นหนึ่งที่จะเติมเต็มความฝันและความหวังของทุกคนได้”
ฮายาตี โต๊ะเย็ง เล่าถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตัวเองหันมาทำงานภาคประชาสังคมมากขึ้น หลังได้เรียนสาขานโยบายสาธารณะ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทำให้ความฝันของเขาในตอนนี้คือการทำงานที่ช่วยให้สังคมดีขึ้น
“เมื่อก่อนพ่อเราเป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วเราเองก็ได้ช่วยงานพ่อด้วย อยู่ในสังคมที่เติบโตมาพร้อมประสบการณ์เกี่ยวกับงานสังคมอยู่แล้ว ทำให้เรารู้สึกว่าการทำงานสังคม มีความสุขในรูปแบบหนึ่ง การได้เห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ การได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และการที่คนในพื้นที่มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สามารถทำงานเลี้ยงปากท้องได้ เรารู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้”
“เราคาดหวังกับกระบวนการสันติภาพ เมื่อก่อนเรารู้สึกว่ากระบวนการสันติภาพมันเป็นเรื่องของของรัฐกับกลุ่มกระบวนการ เป็นเรื่องของ Actor 2 Actor เท่านั้น เรามองไม่เห็น และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือเรื่องของเรา หรือเรื่องของทุกคน พอเราเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ก็สัมผัสได้ว่าการพูดคุย การเจรจา หรือว่ากระบวนการสันติภาพถึงแม้จะใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน แต่มันเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่เราสามารถทำให้ความสงบเกิดขึ้นได้จริง มันไม่ใช่แค่เรื่องที่เราเพ้อฝัน ตอนนี้เราอยากทำเรื่องที่เราฝันให้มันเป็นจริงให้ได้สักวัน”
📍ชวนสำรวจอนาคตชายแดนใต้ จากเสียงของทุกคน เพื่อร่วมกำหนดอนาคตชายแดนใต้
.
ชวนทุกคนมาเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสียงร่วมกันการกำหนดอนาคตชายแดนใต้ เพื่อสนับสนุนกระบวนการสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนใต้
.
โดยสามารถแสดงความคิดเห็นผ่าน QR Code หรือกดที่รูปภาพด้านล่างได้เลย