เรื่อง / ภาพ : นครพนมโฟกัส

วันที่ 24 พฤษภาคม 2568 จังหวัดนครพนมได้เปิดพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์ในกิจกรรม “นครคราฟต์” ซึ่งจัดโดยกลุ่ม ‘คนเคลื่อนเมือง’ กลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์ในท้องถิ่นหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ช่างภาพ นักสารคดี ผู้จัดการพื้นที่เรียนรู้ ครีเอทีฟ และนักการศึกษาทางเลือก ร่วมกันขับเคลื่อนนครพนมให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ โดยภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ นิทรรศการภาพถ่าย ประติมากรรม การออกแบบ เวิร์กช็อปสร้างสรรค์ เสวนาทางศิลปะ ดนตรีร่วมสมัย และกิจกรรม ดูหนังฟังทอล์ก ที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง

หนึ่งในเวทีเสวนาที่ได้รับความสนใจ คือ “พลังของภาพถ่าย” ซึ่งเปิดให้เหล่าช่างภาพและผู้ทำงานด้านภาพถ่ายได้ร่วมแบ่งปันมุมมอง ประสบการณ์ และความเชื่อในพลังของการบันทึกภาพในฐานะเครื่องมือแห่งความทรงจำ ความรู้สึก และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
ภาพถ่ายภาษาสากลที่ไม่มีข้อจำกัด
“ภาพเป็นภาษาสากล” คือคำกล่าวของ แก้ม มัลลิกา ทิพย์ฟั่น Co-Founder จากลาวเด้อ ที่ชี้ให้เห็นว่า ภาพถ่ายสามารถสื่อสารความรู้สึกได้โดยไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในโลก เมื่อเห็นภาพหนึ่งภาพ เราสามารถรับรู้ความหมาย ความเจ็บปวด หรือความสุขจากภาพได้โดยตรง ภาพถ่ายจึงเปรียบเสมือนภาษากายที่ไม่ต้องแปล

ในมุมของ เอก ภูมิพงศ์ คุ้มวงษ์ ผู้กำกับและช่างภาพมืออาชีพ เขาอธิบายถึงฟังก์ชันของภาพถ่ายว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ตรงและรวดเร็ว เพียงแค่เห็นก็เข้าใจ ไม่จำเป็นต้องดูจนจบเหมือนวิดีโอ ภาพหนึ่งภาพสามารถกระตุ้นความคิดหรือความรู้สึกได้ทันที

การบันทึกประวัติศาสตร์ของคนธรรมดา
สำหรับ แมน จักรพันธ์ จันทร์ปัญญา ผู้ก่อตั้งเพจเลนส์ไทบ้าน ภาพถ่ายคือประวัติศาสตร์ของคนธรรมดาที่ไม่ได้อยู่ในหน้าหนังสือเรียน การเก็บภาพเหล่านั้นไว้คือการบันทึกเรื่องราวของชีวิต วัฒนธรรม และความเปลี่ยนแปลงของชุมชนที่อาจหายไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับมาได้อีก

ด้าน บูม จารุพัฒน์ พงษ์เลิศหิรัญ เจ้าของแกลเลอรี่ Dripcolors Art Space มองว่าภาพถ่ายคือ “ประวัติศาสตร์ส่วนตัว” เช่น ภาพบ้านเก่า อาคาร ถนน หรือวิถีชีวิตของผู้คนในนครพนมที่เมื่อถึงยุคของเราก็อาจไม่มีโอกาสได้เห็นอีก ภาพถ่ายจึงกลายเป็นบันทึกแห่งคุณค่าที่จับต้องไม่ได้ด้วยคำพูด

เสียดายภาพที่ไม่ทันได้ถ่าย
หลายคนยอมรับว่ามีบางช่วงเวลาที่พลาดไปแล้วไม่มีวันได้กลับคืนมา อ้น วิรุฬห์ หนูห่วง ช่างภาพ กล่าวถึงการพลาดช่วงเวลาสำคัญว่า “แค่วินาทีเดียวก็เปลี่ยนแล้ว” ทั้งเรื่องของแสง เมฆ องศา หรืออารมณ์ของตัวแบบ เพราะภาพถ่ายไม่ได้เกิดขึ้นจากเพียงความตั้งใจ แต่อยู่ที่จังหวะของเวลา

บางครั้ง ความเสียดายไม่ได้มาจากการลืมถ่าย แต่เป็นเพราะ “ตอนนั้นเราไม่กล้าถ่าย” อย่างที่ บูม เล่าว่า ในวัยเด็กเขารู้สึกอายที่จะถ่ายรูปกับครอบครัว จึงไม่มีภาพของช่วงเวลานั้นหลงเหลืออยู่ และในปัจจุบันเขาพยายามเก็บภาพความทรงจำใหม่ ๆ ไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ เพราะตระหนักถึงคุณค่าที่ภาพสามารถรักษาไว้ได้
ในขณะที่ แอมฟ้า สุปวีณ์ แซงบุญเรือง และ แก้ม ศิรินธร แก้วพิลา สะท้อนมุมมองว่า บางช่วงเวลา เช่น การเดินทางกับครอบครัว หรือการได้อยู่กับคนที่รักนั้นเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าแต่เรากลับไม่ทันได้เก็บภาพไว้ เพราะมัวแต่ “รู้สึก” อยู่กับโมเมนต์นั้นโดยไม่ทันนึกถึงการเก็บบันทึก

ภาพถ่ายคือความทรงจำร่วม
การถ่ายภาพไม่ใช่แค่การกดชัตเตอร์ วลัยลักษณ์ ชมโนนสูง จาก Thai PBS ได้ชี้ให้เห็นว่า ภาพถ่ายที่ทรงคุณค่านั้นต้องมี “การพูดคุย” และการเข้าใจมุมมองของคนในภาพก่อน เพื่อให้ได้ภาพที่ไม่เพียงสวยงามแต่มีเรื่องราว ความสัมพันธ์ และความรู้สึกของคนร่วมเฟรมแฝงอยู่ในนั้น และภาพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีคนดู มีคนรับรู้ความรู้สึกที่ถูกบันทึกไว้ ภาพที่ดีไม่ใช่แค่ภาพที่มีเทคนิคดี แต่เป็นภาพที่มีชีวิต มีความหมาย และสามารถส่งต่อเจตนารมณ์ของผู้ถ่ายให้ถึงผู้ชมได้

ภาพถ่ายไม่เพียงแค่บันทึกช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่มันคือการบันทึกชีวิต ความสัมพันธ์ ความเปลี่ยนแปลง และอารมณ์ของมนุษย์ ความหมายของภาพจึงเกิดขึ้นจากความเข้าใจของทั้งคนถ่าย คนถูกถ่าย และคนดู ภาพหนึ่งภาพอาจกลายเป็นเครื่องมือแห่งความทรงจำ หรือแม้แต่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้
นครพนมเมืองแห่งการเรียนรู้ผ่านศิลปะและภาพถ่าย
กิจกรรม “นครคราฟต์” เป็นมากกว่างานแสดงผลงานศิลปะหรือเวิร์กช็อป เพราะเป็นพื้นที่ต้นแบบของการเรียนรู้แบบเปิดกว้าง ที่ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจ และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของทุกวัย โดยเฉพาะภาพถ่ายซึ่งเป็นอีกหนึ่งสื่อที่สามารถเข้าถึงทุกคนได้ง่าย และมีพลังในการสื่อสารทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
และในวันนี้ เมืองเล็ก ๆ อย่างนครพนม ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการเปิดพื้นที่ให้คนได้เรียนรู้ แสดงออก และมีส่วนร่วมในศิลปะผ่านกิจกรรมอย่าง “นครคราฟต์” ไม่เพียงแค่สร้างความสุข แต่กำลังสร้างอนาคตที่ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน — ผ่านภาพ เสียง เรื่องเล่า และความฝันที่บันทึกไว้ในทุกเฟรม
ด้วยความร่วมมือของกลุ่ม ‘คนเคลื่อนเมือง’ นครพนมกำลังก้าวสู่การเป็น “เมืองแห่งการเรียนรู้” ที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ โดยไม่ลืมรากเหง้าท้องถิ่น และเปิดรับแนวคิดสร้างสรรค์จากคนทุกช่วงวัย



