เรียบเรียง : Local Correspondent สร้อยแก้ว คำมาลา
เทศกาล “ออกหว่า” หรือ “ออกพรรษา” ของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประเพณีสำคัญของพี่น้องไทใหญ่ซึ่งเชื่อว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาเยือนยังโลกมนุษย์ในช่วงเวลานี้ ยามเช้าจึงการตักบาตรทำบุญถึงสามวัน
แต่ปีนี้ ที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน มีรูปแบบการตักบาตรที่แปลกแตกต่างออกไปจากพื้นที่อื่นๆ เมื่อกลุ่มเกษตรกรผักปลอดสารพิษ ได้ร่วมกันรณรงค์การปลูกผักปลอดภัย และส่งเสริมการบริโภคผักปลอดสารพิษหรือปลอดภัยโดยได้กำหนดวันตักบาตรผักปลอดสารขึ้นมา
อำเภอปายเป็นอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เป็นอำเภอที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
นอกจากสภาพแวดล้อมที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ และบรรยากาศที่เงียบสงบของเมืองแล้ว อำเภอปายยังมีมุมของวิถีชีวิผู้คนที่ยึดมั่นในวัฒนธรรมดั้งเดิม มีอัตลักษณ์ของชุมชนที่หลากหลายทั้งพื้นราบและพื้นที่สูง โดยเฉพาะชาวไทใหญ่ซึ่งเป็นกลุ่มพื้นราบที่มีศรัทธาเข้มแข็งในพุทธศาสนาทั้งด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะ ประเพณี จนเป็นที่จดจำของผู้มาเยือน
บ้านม่วงสร้อย ตำบลแม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านที่ทำการเกษตรมาอย่างยาวนาน และได้ปลูกผักสดออกจำหน่ายทั่วประเทศเป็นอาชีพหลักมาหลายปีแล้ว แต่ด้วยระบบการปลูกที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีการใช้สารเคมีมากขึ้น ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้รวมกลุ่มกันปลูกผักปลอดสาร และจำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
ออกพรรษาปีนี้ 17 ตุลาคม 2567 ชาวบ้านม่วงสร้อย จึงได้ชวนกันตักบาตรผักปลอดสารพิษ ขึ้น เพื่อเป็นการรณรงค์ให้มีการปลูกและบริโภคผักปลอดภัยให้มากขึ้น
โดยการตักบาตรผักปลอดสารครั้งนี้ นายอเนก ปันทะยม นายอำเภอปาย ได้มาร่วมตักบาตรผักปลอดสารกับชาวบ้านด้วย โดยได้กล่าวว่า ตนมีความยินดีต่อกิจกรรมที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมในครั้งนี้ และมุ่งหวังถวายเป็นพระราชกุศลต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมี พระมหากรุณาธิคุณต่อชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างหาที่สุดมิได้
ในขณะที่กลุ่มเกษตรกรและพระวัดม่วงสร้อย ก็ได้กล่าวตรงกันว่า การตักบาตรผักปลอดสารครั้งนี้ หลังจากตักบาตรแล้ว ก็จะนำผักทั้งหมดไปมอบให้กับโรงเรียนเพื่อให้โรงเรียนนำไปปรุงอาหารให้เด็กๆ ทั้งเด็กและคุณครูจะได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัยจากสารเคมีซึ่งปัจจุบันผักในท้องตลาดยังคงมีปริมาณสารเคมีที่สูงเกินมาตรฐาน จึงหวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะช่วยรณรงค์ให้เกิดการตระหนักในการบริโภคผักปลอดภัยให้มากขึ้น