“ดนตรีบ้านเฮามันเกิดจากธรรมชาติ การเป่า การดีด การสี ล้วนเป็นการเล่าเรื่องชีวิต ความเชื่อ และศรัทธา” คำพูดเรียบง่ายแต่ทรงพลังจาก ‘ครูแอ๊ด-ภานุทัต อภิชนาธง’ สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจของดนตรีล้านนา เสียงสะล้อ ซอ ซึง ไม่เพียงแค่กังวานในอากาศ แต่ยังแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของวิถีชีวิตชาวเหนือ เป็นทั้งจิตวิญญาณและสายใยที่เชื่อมโยงคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเข้าด้วยกัน
เสียงที่สะท้อนความเป็นล้านนา
ครูแอ๊ดมองว่าดนตรีล้านนาไม่ใช่แค่บทเพลงพื้นบ้านที่สืบทอดกันมา แต่คือการบันทึกประวัติศาสตร์ผ่านเสียง “ดนตรีบ้านเฮามันบอกเล่าความเชื่อ ศิลปะ และชีวิตของคนในอดีต” ครูแอ๊ดเล่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความศรัทธาในสิ่งที่ทำ พร้อมเสริมว่าความงดงามของดนตรีล้านนาอยู่ที่การแทรกซึมในวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานศพ หรือแม้แต่กิจวัตรประจำวัน
เพื่อให้ดนตรีล้านนาไม่เพียงอยู่รอด แต่ยังเติบโต ครูแอ๊ดได้พัฒนาเครื่องดนตรีให้เข้ากับยุคสมัย เช่น ซึงคอร์ดและสะล้อไฟฟ้า “สิ่งที่ผมทำคือการหาทางให้ดนตรีบ้านเราสามารถเข้าสู่โลกสากลได้ โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์” ครูแอ๊ดกล่าวอย่างภาคภูมิ
จากเด็กชายผู้หลงใหลในเสียงเพลง สู่ครูแห่งเสียงดนตรี
เรื่องราวของครูแอ๊ดเริ่มต้นจากหมู่บ้านเล็กๆ เสียงเพลงจากงานวัด งานศพ หรือแม้แต่การละเล่นในชุมชน เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กชายคนหนึ่งหยิบซึงขึ้นมาฝึกดีด ครูแอ๊ดเล่าว่า “ผมเติบโตมากับเสียงเพลงและการสอนของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน”
เส้นทางดนตรีของเขาเริ่มต้นจากการเรียนรู้ด้วยตนเองและผู้คนรอบข้าง ก่อนจะเข้าสู่วิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ ที่ซึ่งเขาได้บ่มเพาะความรู้และทักษะจากครูบาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ดนตรีไม่เพียงเป็นอาชีพ แต่ยังกลายเป็นชีวิตของเขาอย่างแท้จริง
การถ่ายทอดที่ไม่มีวันสิ้นสุด
สิ่งที่ทำให้ครูแอ๊ดแตกต่าง คือความตั้งใจในการแบ่งปันภูมิปัญญาให้กับคนรุ่นใหม่ โดยเปิดชมรมดนตรีพื้นเมืองที่สอนฟรี “มีครั้งหนึ่ง ผมเห็นคนอายุ 60 ปีเล่นสะล้อบนเวทีกับเด็ก 8 ขวบ ทุกคนยิ้มและภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้น” ภาพความหลากหลายของผู้คนที่รวมตัวกันผ่านเสียงเพลงนั้น ทำให้ครูแอ๊ดมั่นใจว่าดนตรีล้านนายังมีพลังในการเชื่อมโยงคนทุกวัย
ครูแอ๊ดยังสร้างสะพานเชื่อมดนตรีล้านนากับโลกสมัยใหม่ โดยการสอนดนตรีให้ชาวต่างชาติ ซึ่งไม่เพียงแต่พวกเขาได้เรียนรู้การเป่าขลุ่ย ดีดซึง หรือเป่าปี่ แต่ยังมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ในขณะเดียวกันชาวต่างชาติยังสอนครูแอ๊ดเรื่องการจูนเสียงดนตรีล้านนาให้เข้ากับเครื่องดนตรีสากล “เฮาสอนเขาดนตรีบ้านเฮา เขาสอนเฮาเรื่องวิธีการจูนเสียงและวิถีสากล” ครูแอ๊ดเล่าถึงความสัมพันธ์นี้ด้วยความภูมิใจ กระบวนการนี้ไม่ได้หยุดเพียงที่บทเรียน แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ครูแอ๊ดสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ
บทเพลงที่ก้าวข้ามกาลเวลา สืบทอดภูมิปัญญา ดนตรีที่ไม่มีวันจางหาย
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ครูแอ๊ดไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาดนตรีล้านนาให้ร่วมสมัย “ดนตรีล้านนาของเรามันมีเสน่ห์ในตัวเอง ผมเชื่อว่ามันจะเดินทางไปได้ไกลถ้าเราเปิดใจและพร้อมปรับตัว” ครูแอ๊ดกล่าวด้วยแววตาแห่งความหวัง
เสียงสะล้อ ซอ ซึง ของครูแอ๊ดไม่ใช่เพียงแค่เสียงเพลง แต่คือสายใยที่นำพาอดีตมาสู่ปัจจุบัน และส่งต่อความฝันสู่อนาคตได้อย่างงดงาม ดนตรีของเขาคือบทพิสูจน์ว่า การผสมผสานระหว่างรากเหง้ากับการเปลี่ยนแปลง สามารถสร้างสิ่งที่ยั่งยืนและทรงคุณค่าได้อย่างแท้จริง
ครูแอ๊ดกล่าวว่า “ดนตรีล้านนามันจะอยู่ได้ มันจะอยู่ได้เพราะนักดนตรี มันจะอยู่ได้เพราะน้ำเลี้ยง” คำพูดนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นชุมชน นักเรียน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่สามารถมอบทรัพยากรและโอกาสให้กับนักดนตรีได้สร้างสรรค์งานอย่างเต็มที่ การสนับสนุนนี้เปรียบเสมือนการรดน้ำต้นไม้ ให้ดนตรีล้านนาไม่เพียงแค่ยืนหยัดอยู่ได้ แต่ยังเติบโตอย่างงดงาม และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง เสียงเพลงล้านนาจะยังคงกึกก้องในใจคนทุกยุคทุกสมัย ด้วยแรงร่วมใจและการดูแลที่ไม่สิ้นสุดนั่นเอง
‘ครูแอ๊ด’ คือปราชญ์ผู้มีบทบาทสำคัญในการนำพาดนตรีล้านนาสู่การยอมรับในระดับสากล เขาคือผู้ที่ไม่เพียงอนุรักษ์แนวคิด เอกลักษณ์ และศิลปวัฒนธรรมล้านนาไว้ แต่ยังเติมเต็มด้วยความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เติบโตในโลกยุคใหม่ “ครูแอ๊ด ภาณุทัต อภิชนาธง” คือตัวแทนของคีตกวีผู้ใช้ดนตรีเดินทางข้ามกาลเวลา ปราชญ์ผู้สร้างท่วงทำนองแห่งล้านนาอย่างแท้จริง