ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มชาวบ้าน พร้อมแจ้งว่านายกฯ มีความประสงค์ที่จะรับฟังปัญหาของชาวบ้าน แต่ต่อรองขอตัวแทนจำนวน 10 คน เพื่อเข้าไปยื่นหนังสือกับนายกฯ ในพื้นที่ที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่จะสร้างอุโมงค์ลงเหมืองใต้ดิน ถัดออกไปอีกประมาณ 500 เมตร เมื่อตกลงกันได้เจ้าหน้าที่จึงนำรถตู้ของส่วนราชการมารับตัวแทนเข้าไปรอยื่นหนังสือในพื้นที่ดังกล่าว
นางมณี บุญรอด กล่าวกับนายกฯ ว่า กลุ่มอนุรักษฯ ต่อสู้มาเป็นเวลา 25 ปี ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนลงมาดูพื้นที่เหมืองแร่โปแตชว่าเป็นอย่างไร มีท่านเป็นคนแรก ตนจึงคิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะมาเล่าปัญหาให้นายกฯ ฟัง เนื่องจากชาวบ้านมีความหวั่นวิตกว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะปัญหาแผ่นดินจะทรุดบ้านจะพัง เพราะมาขุดใต้ถุนบ้านของเรา นอกจากนี้เขาก็จะเอาเกลือขึ้นมากองบนลานกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งจะเกิดปัญหาดินเค็ม น้ำเค็ม และปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ถามชาวบ้านว่า แล้วเขาบอกไหมว่าจะมีมาตรการป้องกันปัญหาแผ่นดินทรุดอย่างไร
ชาวบ้านได้ตอบว่า ไม่มีค่ะ เขาบอกว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย
นายกฯ จึงกล่าวว่า อย่างนี้ก็แย่ ใช้ไม่ได้
หลังใช้เวลาพูดคุยประมาณ 10 นาที ตัวแทนชาวบ้านจึงได้ยื่นหนังสือร้องเรียนให้กับนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี เมื่อรับหนังสือแล้ว นายกฯ พร้อมคณะก็เดินทางกลับไปทันที
ในหนังสือร้องเรียนของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี มีเนื้อหาว่า
ที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติ อนุญาตออกประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปแตช ในภาคอีสาน ไปแล้ว 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.) พื้นที่อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ 2.) พื้นที่อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา และ 3.) พื้นที่จังหวัดอุดรธานีดังกล่าว พร้อมทั้งเร่งรัดให้ผู้ประกอบกิจการเร่งดำเนินการขุดเอาแร่โปแตชขึ้นมาขายด้วยข้ออ้างด้านเศรษฐกิจ และเพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยในราคาที่ถูกลง
แต่กลับเพิกเฉย ละเลย ในประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อชุมชน ซึ่งโดยข้อเท็จจริง คือเหมืองทั้งหมดตั้งอยู่ในชุมชนและปรากฏผลกระทบเกิดขึ้นแล้ว ดังกรณีในพื้นที่อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้เกิดปัญหาการแพร่กระจายของน้ำเค็ม ดินเค็มจากการทำเหมือง สู่แหล่งน้ำสาธารณะของชุมชน และบ้านเรือนราษฎรถูกเกลือกัดกร่อน ทรุด ผุพัง ตลอดจนเรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนยากแก่การแก้ไขเยียวยา กระทั่งไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่และทำมาหากินอย่างปกติสุขได้ดังเดิม
จะเห็นได้ว่า บทเรียนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำเหมืองแร่โปแตช ในพื้นที่อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องฟังเสียงของประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนและนำไปสู่การหาแนวทางแก้ไข รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยขึ้นอีก
ดังนั้น กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จึงกราบเรียนมาเพื่อขอให้ท่านได้โปรดพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เพื่อยกเลิกโครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี และในภาคอีสาน ซึ่งมีปัญหามาตั้งแต่เริ่มต้น กล่าวคือกระบวนการขออนุญาตประทานบัตร ที่ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติเอาไว้ จนนำไปสู่การฟ้องคดีปกครอง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างกระบวนพิจารณาวินิจฉัยของศาล ณ ปัจจุบันนี้ด้วย
การเดินทางมาตรวจราชการภาคอีสานของนายกรัฐมนตรีและคณะในครั้งนี้ ยังได้เดินทางไปที่จ.สกลนคร ซึ่งเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีแหล่งแร่โปแตชมีศักยภาพสูงในประเทศไทย และอยู่ในแผนพัฒนาโครงการเหมืองแร่โปแตช ภาคอีสานด้วย ปัจจุบันบริษัท ไชน่า หมิ่งต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจแร่ ในพื้นที่อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ประมาณ 120,000 ไร่ แต่ก็มีกลุ่มชาวบ้านลุกขึ้นมาคัดค้านเช่นเดียวกัน
โดยเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา นักปกป้องสิทธิ กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส ทราบข่าวว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะจะลงพื้นที่มาตรวจราชการ ที่บริเวณอ่างน้ำห้วยโทง อ.วานรนิวาส จึงได้ไปดักรอยื่นหนังสือร้องเรียนให้กับนายกฯ ที่นี่