เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
ทุกคนคงเคยคุ้นหู จากการท่องหรืออาจเคยได้ยินโคลงสี่สุภาพจากวรรณคดีเรื่อง ลิลิตพระลอ ตอนเรียนมัธยมต้น แต่อาจไม่คุ้น หรือไม่รู้เลย ว่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์นั้นอยู่ใกล้เรา คนเหนือแค่เอื้อม คือที่เวียงลอ จ.พะเยา

- เมืองโบราณเวียงลอ มีประวัติศาสตร์รุ่งเรืองสุดขีดในยุคล้านนา หนาแน่นไปด้วยโบราณสถานราว 40-50 แห่ง กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ ที่สำคัญมีศาสนาสถานต่าง ๆ ที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยให้เราได้สืบค้น
- ปี 2536 พบโบราณสถานเป็นจำนวนมาก ทั้งขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ หลุมฝังศพยุคก่อนประวัติศาสตร์ หม้อบรรจุกระดูก มีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มชนเดียวกันกับผู้สร้างเมืองโบราณเวียงลอ
- พื้นที่ดังกล่าวเหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม โดยที่ผ่านมามีความเข้มแข็งของชุมชนช่วยกันปกปักษ์รักษาโบราณสถานเหล่านี้เอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม
วีดีทัศน์นี้บางส่วนสร้างขึ้นจาก AI เป็นผลงานการทดลองจัดทำขึ้นเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาสื่อชุมชน ซึ่งเนื้อหาจากการรวบรวมและเรียบเรียงจากข้อมูลคนพื้นถิ่น สร้างสรรค์จาก AI เพื่อพัฒนาสื่อชุมชนพะเยาทีวี และชาวพะเยา โดยร่วมกับนักวิชาการจากราชภัฏเชียงราย
ตามรอยลิลิตพระลอ เป็นงานทดลองของพะเยาทีวี ในแง่ของการสร้างเนื้อหาการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีและใช้วิธีการในการสื่อสารหลายรูปแบบไม่เฉพาะที่เป็นคลิปวิดีโอ หรือการถ่ายทอดสด ซึ่งมีกิจกรรมหรือการประชุมสัมมนามีเวทีต่าง ๆ ใช้รูปแบบของการสื่อสารที่หลากหลาย ร่วมกับของชุมชน
ชัยวัฒน์ จันธิมา สื่อชุมชนพะเยาทีวี ผู้จัดทำวีดีทัศน์ AI ตามรอยลิลิตรพระลอ กล่าวว่า AI เข้ามาพร้อมกับยุคสมัยพะเยาทีวีทดลองประยุกต์ใช้กับชุมชน เพราะเรารู้ว่าเราหนีไม่พ้นเรื่องเทคโนโลยี เรื่องสื่อ เรื่องวัฒนธรรม มีการพัฒนามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ครั้งนี้เป็นการทดลองนำ AI ในส่วนของเนื้อหาการแต่งภาพ การผลิตภาพนิ่ง สร้างภาพประกอบ และลองนำภาพประกอบมาทำเป็นภาพเคลื่อนไหว เป็นการทำงานร่วมกับ Media lab มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย และเครือข่ายอื่น ๆ ซึ่งมีโปรเจคที่สนับสนุนแนวคิดเรื่องการใช้ AI จึงทำการเสนอพื้นที่โบราณสถานเวียงลอ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีเรื่องประวัติศาสตร์ ของพระลอ และพญาลอ เป็นวรรณคดีที่มีตัวละครเรื่องราวความรักของ พระลอ กับสองนาง คือ พระเพื่อน พระแพง
พญาลอ คือ ผู้ครองเมืองเวียงลอ ซึ่งมีอยู่จริงไม่ใช่เรื่องแต่งเป็นประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งยุคสมัยของภูกามยาว ซึ่งมีอายุ 900 กว่าปี เท่ากับเมืองพะเยา มีหลักฐานโบราณสถาณ โบราณคดีที่ชัดเจน มีการฟื้นฟูบูรณะขึ้นมาเหมือนกับเวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่
โจทย์ คือ เราจะเอาเรื่องเล่าชุมชน ที่เป็นตำนาน กับเรื่องที่เป็นจริงทางประวัติศาสตร์นำสื่อไปใช้เล่าเรื่องให้คนเข้าใจได้อย่างไร
ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สนใจเข้ามาเที่ยวที่เวียงลอ ซึ่งคนในพื้นที่เริ่มถูกถามบ่อย ๆ ว่าตกลงพระลอและพญาลอ คือตำนานนี้คืออย่างไร ? เราจึงอยากที่อยากจะให้คนที่เข้ามาในเวียงลอเข้าใจว่าที่นี่มีเรื่องเล่า วรรณกรรมและเป็นประวัติศาสตร์มีจารึก นำ AI มาเป็นตัวช่วย เพื่อที่จะทำให้นักท่องเที่ยวและรุ่นใหม่คนที่มาเที่ยว ได้เข้าใจบริบทของชุมชน ในขณะเดียวกันเพื่อดึงความสนใจ ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 2 อย่างคือ
1.พยายามเล่าเรื่องจากชุมชน และทำสื่อที่ไม่ยากไม่ซับซ้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสื่อที่เราวาดเอง ใช้ภาพตัวเองที่ถ่ายจากพื้นที่จริงเพื่อไม่ให้ติดเรื่องลิขสิทธิ์
2. ทดลองทำ DEMO ต้นฉบับ ถ้าเราทำเกี่ยวกับละครความเชื่อของชุมชนมาเล่า สร้างเป็นหนังหรือสร้างเป็นสื่อลองใช้มู้ดโทนแนวภาพยนตร์มิวสิควิดีโอ ผสมผสานกับเพลงซอพื้นบ้าน ผนวกวรรณกรรมของท้องถิ่น
เราทำงานร่วมกับศิลปินซอพื้นบ้าน ทำงานร่วมกันกับปราชญ์ชุมชน วัฒนธรรมอำเภอ ส่วนตัวของพะเยาทีวีเป็นคนในพื้นที่อยู่แล้ว เก็บข้อมูลทำงานมาตลอดร่วมกับชุมชน ซึ่งมีนักวิชาการคอยดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ในการทดลอง ซึ่งหากทำผลงานนี้ออกมาแล้วชุมชนสามารถนำวีดีโอเอาไปใช้ในชุมชน ประกอบงาน ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของชุมชน
นี่เป็นการทดลองการเอาตัวรอดทางหนึ่งของสื่อชุมชน AI คือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งชุมชนมีก่อนหน้านั้นคือปัญญารวมหมู่ ปัญญารวมหมู่ คือ ภูมิปัญญา AI ทำงานเหมือนกับปัญญารวมหมู่หรือภูมิปัญญาชุมชน
แน่นอนว่าการทำงานนี้มีข้อจำกัดอยู่บ้างคือ AI บางตัวที่ทำงานไม่ได้ เพราะมีข้อมูลน้อย เช่นข้อมูลของท้องถิ่นเวลาเราเขียนว่าพระลอ ไม่รู้จัก เพราะที่ผ่านมาในประเทศเราคนไทยไม่ได้ตั้งชื่อไฟล์และเก็บสต๊อกภาพ ต้องใส่รายละเอียดและชุดคำสั่งไปใน AI กันในระดับชุมชนเราสามารถใช้ในระดับไหนได้เราจึงทดลองใช้ฟรีบ้างหรือซื้อบ้าง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำภาพเคลื่อนไหวซึ่งบางตัวทำภาพเคลื่อนไหวได้แต่ไม่เป็นพระลอ ไม่เป็นแบบสไตล์ไทยที่เราต้องการ
อนาคตสื่อชุมชนหรือไม่ว่าจะสื่ออะไร หากไม่ใช้ AI ในการปรับเข้ามา อาจไปไม่รอด คนทำงานสื่อไม่ได้เปลี่ยนเนื้อหา แต่เปลี่ยนรูปแบบหรือรูปทรงหรือช่องทางของการสื่อสาร ชุมชนมีสิทธิ์ที่จะใช้ AI โดยเฉพาะนำเอาทรัพยากรมรดกทางวัฒนธรรม ความรู้ภูมิปัญญาของชุมชนที่มีอยู่ มาปรับใช้ เปรียบเทียบกับคนทำนาก็ต้องใช้โดรน
มองภาพของคนที่อยู่ในชนบทของชุมชนไม่ได้เป็นเหมือนเดิม เทคโนโลยีหรือการทำงาน ตอนนี้คนที่ขายของออนไลน์ในบ้านนอกเยอะมากและมีรายได้ ทำให้เราคิดว่าการที่เราจะเอา AI มาช่วยมันประหยัด เช่นการรายงานข่าวหรือการเขียนข่าวการคิดคำพูดที่จะโพสต์มันแม่นยำกว่า
สิ่งสำคัญ คือ ตัวคนทำสื่อต้องพัฒนาตัวเอง พัฒนาศักยภาพ บางเรื่องเราคาดไม่ถึงก็สามารถทำได้ และชุมชน สามารถนำเรื่องเล่าที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหรือเรื่องเล่าตำนานมาเพิ่มมูลค่า มาสร้างเป็น product ผลิตภัณฑ์ชุมชน และอีกทั้งนี่เป็นวัฒนธรรมร่วม เช่นลุ่มน้ำโขงแม่น้ำอิงของจังหวัดพะเยา แม่น้ำกก คือแม่น้ำนาค เรื่องราวเชื่อมโยงกันเหมือนคนอีสาน คนเชียงตุง คนสิบสองปันนา หลวงพระบาง เวียงจันทร์ เป็นมรดกร่วม ซึ่งสามารถขายได้เพราะประชากรเยอะ ไม่ใช่ประชากรแค่ภาคเหนือหรือภาคอีสาน แต่มีประชากรที่มีประสบการณ์ร่วม อินกับเนื้อหาเหล่านี้ซึ่งมีเยอะ
การหนุนเสริมในข้างหน้า องค์กรที่ทำสื่อที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสื่อ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนสื่อหรือ กสทช. กทกส. หรือกองทุนสื่อทางวัฒนธรรม เราติดกับกับลวดลายไทย ซึ่งจริง ๆ ก็ดีเป็นเหมือนเชื้อเมล็ดพันธุ์ แต่คนรุ่นใหม่ยุคนี้มาผสมผสานปรับพัฒนาให้มันร่วมสมัย ซึ่งการมีส่วนร่วมและการทำงานกับชุมชนทำให้เราเห็นเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแกร่ง อย่างเรื่องพระลอ แข็งแกร่งเพราะมีคาถา เมือง มีลักษณะความรัก เพราะแก่นของมันคือเรื่องความรัก ความเกลียดชัง เป็นสิ่งที่สอนให้เรารักท้องถิ่นรักผู้คน สอนให้ไม่ลุ่มหลง แต่สามารถเปลี่ยนตัวละครได้ ถ้าเราทำงานร่วมกับชุมชนเราจะได้เห็นเนื้อหาที่น่าสนใจหลายมุม และยิ่งชุมชนได้เป็นตัวแสดงร่วมร่วมคิดเนื้อหาไปด้วยจะยิ่งสนุก
ทำอย่างไรหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะยุยงส่งเสริมให้สื่อชุมชน เช่น เพจระดับอำเภอหรือระดับจังหวัด ที่มีคนติดตามที่เยอะ สร้างมูลค่าและเชื่อมมรดกทางวัฒนธรรมของท้องที่ สร้างเนื้อหาชุมชนที่เป็นเนื้อหาแบบร่วมสมัยได้
เราเองมองเห็นการทำงานของเด็กยุคใหม่ที่เริ่มทำอยู่บ้างแล้ว มีเพจของตัวเองในท้องถิ่น เริ่มเก็บภาพสต๊อกถ่ายภาพสวย ๆ และทำอย่างไรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มทดลองอะไรใหม่ใหม่ไม่เพียงแค่ AI และ ปัจจุบันเด็กที่เรียนนิเทศศาสตร์ หลักสูตรของนิเทศศาสตร์ไม่ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งชุดความรู้ตรงนี้เราจะแบ่งปันให้เพื่อนสื่อหรือน้องที่เริ่มเรียนสายนิเทศศาสตร์อย่างไรซึ่ งจะต้องมีองค์กรต้องมาร่วมกันเพราะสื่อชุมชนจะทำเพียงลำพังไม่ได้ และต้องเข้าใจเรื่องของมรดกร่วมของเราคือเรื่องเล่าท้องถิ่นที่เกิดขึ้นศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่มีประสบการณ์ร่วมมีหลากหลายมากขึ้นไม่เพียงแค่คนไทย
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้คนไม่ต้องอยู่ในกรุงเทพมหานคร หรืออยู่ที่เมืองใหญ่จังหวัดใหญ่ ปัจจุบันเริ่มมีคนกลับบ้านทำงานทางออนไลน์ทำงานเชิง AI และมีรายได้มากแต่อย่างน้อยอยู่ แต่จริงๆ มีเด็กอื่นๆ ที่กลับมาอยู่บ้านแล้วมีความพยายามแต่ยังไม่ได้รับการส่งเสริมและยังเข้าไม่ถึง มีบางส่วนกลัวคิดว่าทำไม่ได้แต่จริงๆ ต้องก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ไปแต่เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องมีการส่งเสริมอินเตอร์เน็ตที่ดีในพื้นที่ในชุมชน ความสามารถที่จะ Up Skill อยู่ในอินเตอร์เน็ตทั้งหมดอยู่ที่จะเริ่มปรับอย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.เสริมศิริ นิลดำ อาจารย์โปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ (ดิจิทัลมัลติมีเดีย) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย คณะทำงานด้านวิชาการที่ร่วมหนุนเสริมสื่อท้องถิ่นพะเยาทีวี กล่าวว่า งานชิ้นนี้เกิดขึ้นมา โดย บพค.ภายใต้โครงการโครงการพัฒนากำลังคนและนวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์ ดำเนินโครงการโดยคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) เพื่อแสดงศักยภาพของการร่วมมือระหว่างวิชาการ-วิชาชีพในรูปแบบของภาคีเครือข่าย ThAI Media Lab เพื่อการพัฒนาทักษะกำลังคนและนวัตกรรมสื่อ เพื่อร่วมมือในการจัดทำโครงการด้านวิชาการ ค้นคว้าด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสื่อ พัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมสื่อและ สร้างความร่วมมือด้านวิชาการและวิชาชีพเพื่อพัฒนาต้นแบบของห้องทดลองพัฒนานวัตกรรมสื่อ Media Lab เพื่อประโยชน์ในการพัฒนานิเวศน์สื่อสร้างสรรค์ในสังคมไทย ที่อยากจะพัฒนาบุคลากรในเรื่องของนโยบายรัฐในการพัฒนาทุนทางมนุษย์
เวลาเราพูดถึงการพัฒนาทุนมนุษย์ทางนิเทศศาสตร์อยากจะพัฒนาคนในชุมชนเป็นหลัก แบ่งพื้นที่ในการศึกษาของโครงการนี้เป็นภูมิภาคเช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง และให้เลือกพื้นที่ในการเล่าเรื่อง ในการทำงานชิ้นนี้คีย์เวิร์ด มีอยู่ 3 อย่าง
1. ซอฟพาวเวอร์ของพื้นถิ่น
2. เน้นในเรื่องของการมีส่วนร่วม กลุ่มสื่อชุมชน ประชาชน คนในชุมชนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วม
3. การเล่าเรื่อง นำเอาความรู้ทางด้านนิเทศศาสตร์เข้าไปเสริมคือเรื่อง storytelling
การมีส่วนร่วมแล้ว ภายใต้ชื่อโครงการการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เพื่อขยายประสบการณ์ของผู้ชมต่อแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ทำไมเราถึงเลือกพื้นที่ โบราณสถาณเวียงลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เหตุผลที่เลือกเพราะเมื่อเรามองหาภาคีเครือข่าย ที่ทำงานเรื่องการเล่าเรื่องและพร้อมจะมีส่วนร่วมในการเดินทาง 6 เดือน ภาคีเครือข่ายที่เป็นสื่อชุมชนและภาคประชาชน ที่มีความพร้อม เราค้นพบสื่อชุมชนพะเยาทีวี
จากที่ได้ทำงานเชื่อมต่อกับพะเยาทีวี เป็นสื่อชุมชนที่มีความพร้อมที่อยากจะยกระดับตนเอง และหาวิธีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาทำในการผลิตสื่อชุมชน ก่อนหน้าโครงการนี้พะเยาทีวีพยายามจะศึกษา AI GENERATE โปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ ไม่ยากและอยากพัฒนาเนื้อหาซึ่งมีการศึกษามาระดับนึงแล้ว เมื่อได้ร่วมงานกันก็ตั้งโจทย์ว่า เราจะทำประเด็นอะไร ที่เป็นประโยชน์กับชุมชน
เมื่อลงพื้นที่โบราณสถานเวียงลอ ที่นี่มีเรื่องเล่าที่เด่น คือ ลิลิตพระลอ พระเพื่อน พระแพง ปฎิเสธไม่ได้ว่า คนไทยในเจนเนอเรชั่นหนึ่งจะรู้จักตำนานนี้ ซึ่ง GEN Y เป็นต้นไป อาจจะไม่ได้รู้จัก แต่ถามว่าพื้นที่นี้เกี่ยวกับตำนานพระลอ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ก็ไม่ แต่พื้นที่นี้เป็นบ้านเกิดของพระลอ แต่ไม่ใช่พื้นที่ที่เกิดเรื่องราวในวรรณคดี ที่เป็นเรื่องความรักที่กลายเป็นตำนาน แต่เป็นพื้นที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระลอ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ต้องการจะสื่อสาร เมื่อคนมาท่องเที่ยวเค้าพยายามจะบอกเล่าให้รู้ว่าภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์ของเวียงลอ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ที่มีทั้งแหล่งน้ำของชุมชนที่ผ่านพื้นที่เกษตร มีความเป็นจุดที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น จุดการเดินทัพในประวัติศาสตร์ คลังเสบียงของพื้นที่สงครามในอดีต โบราณสถาณจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในอดีต เวียงลอมีความอุดมสมบูรณ์ แต่แม้พระลอจะที่เป็นกษัตริย์ในเวียงลอ อยู่ในพื้นที่สมบูรณ์มาก ยังตัดใจทิ้งพื้นที่นี้เพื่อไปตามหาความรักของตนเองกับพระเพื่อน พระแพง พยายามเอาจุดนี้เป็นจุดที่เป็นไฮไลท์ของชุมชนในการสื่อสารตลอดมา
ฉะนั้นเราไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนเรื่องเล่าในการสื่อสารของชุมชน แต่เรารู้สึกว่าเรื่องเล่าเหล่านี้ ยังมีช่องว่างอยู่จำนวนหนึ่ง คือคนรุ่นใหม่ไม่เข้าใจและเป็นเรื่องเข้าใจยาก หรือแม้แต่คนยุคกลางก็อาจจะลืมไปแล้วหรือไม่รู้เรื่องราวในส่วนนี้ จึงดึงเรื่องราวส่วนนี้ ขึ้นมาเล่าโดยใช้เทคนิค AI GENERATE
การทำครั้งนี้มุ่งอยู่สองประเด็นหลัก คือ ประเด็นที่หนึ่ง หาว่ามี Pain point ไหนที่คนในพื้นที่อยากจะดึงเรื่องราวขึ้นมาเล่า มีจุดไหนที่เป็นจุดที่ชุมชนรู้สึกว่าต้องเป็นจุดที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ เช่น โบราณสถาน เมื่อลงพื้นที่ไปดูที่จริงเราเห็นแต่ฐานของเจดีย์ของพระราชวัง ซึ่งถ้าเรามองเรานึกภาพจริงไม่ออก เวลาคนมาเที่ยวจะมีประเด็นส่วนนี้ที่จินตนาการไม่ออก่นกัน ว่าในอดีตว่าเป็นอย่างไร มีความเป็นล้านนาอย่างไร มีประวัติศาสตร์ในยุคนั้นเป็นอย่างไร นี่คือสิ่งที่กระบวนการการทำงานภายใต้โครงการนี้อยากเติมเต็ม
ประเด็นที่สอง โครงการนี้มีเป้าหมายคือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ใช้ AI ในการขยายประสบการณ์จากผู้ชม เพื่อให้ผู้ชมที่มีความสนใจในการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ มีไลฟ์สไตล์แบบท่องเที่ยวชุมชน สนใจในเรื่องของการใช้สื่อใหม่กับการท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ ขยายประสบการณ์ ซึ่งการขยายประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวจะขยายอยู่ 2 ส่วน คือ
1.ขยายประสบการณ์ด้านความรู้ความเข้าใจ เช่น ความรู้ความเข้าใจในพื้นที่ในโบราณสถาณในตำนาน บริบทพื้นที่
2.ขยายประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวในความบันเทิง stories เล่าให้เป็นเรื่องราว มีความตื่นเต้นมีความสนุกในขณะเดียวกัน การขยายประสบการณ์ด้านสุนทรียในที่นี้ คือ ทำภาพที่อยู่ในจินตนาการหรือเรื่องเล่าให้เป็น AI Generate และสวมไปกับพื้นที่จริง
ดังนั้นในการเล่าเรื่องเราไม่ได้เราด้วยภาพ AI Generate 100% เราจะเอาภาพจริงกับ AI ผสมกันรวมกันเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถจินตนาการออกว่า ภาพเหล่านั้นถ้าเป็นภาพจริงจะสมบูรณ์อบบไหน รวมถึงตัวละครฉากทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ พยายามเอา AI Generate ไปผสมกับความเป็นจริง
นอกจากพะเยาทีวีเราดูความต้องการของชุมชนไปคุยกับภาคีเครือข่าย คุยกับชาวบ้าน ซึ่งชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมหลายอย่าง ทั้งการให้ประเด็นและมีส่วนร่วมเติมเต็ม เช่น การขับเพลงซอ ศิลปินพื้นบ้านมาขับเพลงเล่นดนตรี เพื่อทำให้เรื่องราวไม่ใช่เป็นภาพอย่างเดียว มีทั้งเสียงจากพื้นที่ให้เกิดความรู้สึกสอดแทรกเข้าไปในทำนองเพลงซอที่ขับร้องประกอบเรื่องราว
สิ่งที่เราทำมีการทำกระบวนการผลิต ค้นหาประเด็น เมื่อเราเข้ากระบวนการผลิตเป็นหน้าที่ของพะเยาทีวีร่วมกับ สาขานิเทศศาสตร์ ราชภัฎเชียงราย อาจารย์และนักศึกษาเข้ามาแจมร่วมกัน พอได้สื่อออกมา ในรอบนี้เรามีระยะเวลาทำสื่อสองเดือนเป็นคลิปวิดีโอขนาดความยาวประมาณ 5 นาทีและสื่อโปสเตอร์ ทั้งหมดนี้เผยแพร่ทางเพจพะเยาทีวีเป็นหลัก มีการประเมินโฟกัสกรุ๊ปว่าสื่อที่ทำออกไป หากจะต้องพัฒนาเป็น Fade ถัดไปต่อยอดควรจะทำอย่างไร
ซึ่งเราถอดบทเรียนและค้นพบว่า สิ่งที่เราทำสื่อออกสู่สาธารณะ ประเมินในเชิงปริมาณ ผู้ชม generation Y -Z ที่ได้รับชมเขารู้สึกมันว้าว น่าสนใจ เป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน รู้สึกทำให้มีความสนใจในตำนานในเรื่องเรามากขึ้น อีก generation หนึ่ง คือ generation X ขึ้นไป รู้สึกว่าอาจจะดูทันสมัยมากไป และรู้สึกว่าสุนทรียยังไม่เกิดมากพอสำหรับเขา มีความเข้าใจมีการรื้อฟื้นความทรงจำเดิมและมีความบันเทิงอยู่ ฉะนั้นแสดงว่าเฉลี่ยแล้วเปอร์เซ็นต์ของการที่ขยายประสบการณ์ของผู้ชมตามเป้าหมายของโครงการเป็นไปได้
ในขณะเดียวกัน ทำการประเมินร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านอื่น เช่น ด้านการท่องเที่ยวทางสายวิชาการหรือวิชาชีพ ด้านการท่องเที่ยวด้านการตลาดในเชิงท่องเที่ยว พบว่า สื่อเหล่านี้สามารถสร้างความน่าสนใจได้และเป็นไปได้ถ้าทำได้ครอบคลุมกับโบราณสถาณในพื้นที่ของเวียงลอ เพราะมีหลายจุดที่มีแหล่งท่องเที่ยวและเป็นตำนาน น่าจะทำให้เป็นต้นของการใช้สื่อใหม่ใหม่เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในชุมชน
ในเชิงของพื้นที่พะเยาทีวีและภาคีเครือข่ายที่เป็นภาคประชาชน ได้ทำเวทีสนทนาถอดบทเรียนพบว่าสิ่งที่ชุมชนอยากจะให้เกิดขึ้นอีกและอยากให้ส่วนของการ Support คือเรื่องของอยากจะเพิ่มการ Support ด้าน AI Generate อยากจะทำ AI ได้ดีมากกว่านี้ เพราะประเด็นปัญหาของสื่อชุมชน พะเยาทีวี คือ AI Generate ที่เป็นการใช้งานโปรแกรมฟรี ยังคงมีข้อจำกัดในการใช้งานหรือเป็นโปรแกรมสำหรับการทดลอง ขาดเรื่องของค่าใช้จ่ายในการซับพอร์ทด้านเทคโนโลยีหรือลิขสิทธิ์ และเรื่องข้อจำกัด เช่น การใช้ AI Generate มีข้อจำกัดในการทำสถาปัตยกรรมล้านนา การแต่งกายตัวละครใบหน้า สถานที่ AI Generate ที่มีไม่สามารถ Support ในการที่จะออกแบบตรงนี้ได้แนบเนียนและสวยงาม
ส่วนเรื่องของโอกาสที่ต้องการการ Support คือ เรื่องของ ทำอย่างไรที่จะทำให้เขาลดต้นทุนในการที่จะต้องผลิต AI Generate ลงได้ในขนาดเดียวกัน คือการ Support เรื่องบุคลากรในการสอนเพิ่มทักษะครอบคลุมในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยี AI Generate ได้มาก ขึ้นประหยัดเวลาได้มากขึ้นและเค้าจะได้นำเนื้อหาส่วนอื่นๆ มาผสมผสานได้มากขึ้นกับการท่องเที่ยวรูปแบบสร้างประสบการณ์
ซึ่งข้อเสนอที่ต้องการให้กับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อยากให้พัฒนาศักยภาพของสื่อชุมชนมากกว่านี้เพราะสื่อชุมชนจำเป็นต้องใช้เรื่องของโปรแกรมเทคโนโลยีเครื่องมือในการสร้างภาพเคลื่อนไหวภาพเสมือนจริงภาพเอฟเฟคต่าง ๆ อยากให้ส่งเสริมตรงนี้มากขึ้น และอยากขยายภาคีความร่วมมือมากขึ้นจาก พะเยาทีวีกับ ชุมชน ราชภัฎเชียงราย และบพค. เท่านั้น แต่เนื่องจากเรื่องนี้เชื่อมโยงกับเรื่องของการท่องเที่ยวอยากจะให้ภาคท่องเที่ยวเข้ามามองในมุมของผู้ประกอบการที่จะทำให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในการมาเที่ยวในพื้นที่
เพราะเวียงลอเป็นพื้นที่ที่เรียกว่าโบราณสถาณ ซึ่งเป็นเขตที่มีมากกว่าหนึ่งจุด การที่ลงสำรวจพื้นที่มีทั้งวัด วังเก่า พื้นที่ของเวียงลอที่ดินผืนใหญ่ถูกแบ่งกลางด้วยแม่น้ำลำน้ำเส้นใหญ่หนึ่งเส้นคือ ลำน้ำ อยู่ในเอาออกซอกซอยมีชุมชนที่สมบูรณ์ แต่ขาดการพัฒนาในเชิงพื้นที่ ซึ่งเห็นว่ามีหน่วยงานเข้ามาดูแลอยู่บ้าง เช่น หน่วยงานด้านโบราณสถาน เข้ามาให้ทุนแต่ยังขาดการพัฒนาด้านสื่อ มีแค่การพัฒนาปักป้ายในพื้นที่ คนที่มาเยือนพื้นที่ไม่เข้าใจในการผูกโยง stories
ส่วนที่ขาดและเป็นจุดสำคัญของพื้นที่คือ ที่ผ่านมาพะเยาทีวีกับภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการในชุมชน พื้นที่นี้มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ศูนย์บริการนี้นอกจากจะมีวัตถุโบราณต่างๆ ที่นำเสนอ ยังไม่สามารถเรียกว่าพิพิธภัณฑ์ได้ เพราะการจัดวางไม่เรียบร้อย วางอยู่ในตู้กระจกซึ่งน่าเสียดายมาก ทั้งที่เป็นของโบราณ มีจุดหนึ่งที่ขายสินค้าชุมชน เช่น เครื่องจักรสาร และมีจุดที่คนในชุมชนร่วมกันเข้ามาทำรถสามล้อพ่วงข้าง ให้นักท่องเที่ยวได้พาเที่ยวรอบชุมชน ประเด็นของพื้นที่ก็คือ พื้นที่จะดูมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ถ้าถูกสื่อสารว่ามี stories อะไรอยู่ในชุมชน สิ่งที่คนในพื้นที่ต้องการ คือ ความร่วมมือจากการท่องเที่ยวซัพพอร์ตให้เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นแบบรูทีนของปี หรือเรื่องของช้องทางการสื่อสารให้เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะตอนนี้ยังไม่มีช่องทางการสื่อสาร
ในโครงการถัดไป เรามอง pain point พฤติกรรมของคนในปัจจุบัน ก่อนการท่องเที่ยวส่วนมากมักจะทำการบ้าน หาข้อมูลมาก่อนไปท่องเที่ยว ถ้าเรามีเรื่องเล่ามีสื่อที่อยู่บนแพลตฟอร์มหรืออะไรก็ตามในอนาคต เมต้าเวิทให้เขาเห็นสถานที่นี้ว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยมาดูสถานที่จริง หรือคนที่มาสถานที่จริงแล้วได้ดูเรื่องเล่า ณ สถานที่จริง เหมือนเป็นการเติมเต็มประสบการณ์นักท่องเที่ยว เชื่อมโยงในแต่ละจุดร้อยเรียงให้เป็นแลนด์มาร์ก สำคัญคือการถ้าลงพื้นที่จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ไหนและมีเรื่องเล่าอย่างไร สำคัญทั้งสองภาคส่วนว่าในอนาคตจะต้องเกิดขึ้น อ.เสริมสิริกล่าว
ข้อเสนอในการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรม ทุกอย่างจำเป็นต้องต่อยอด ไม่อยากต่อยอดในเชิงวัตถุ แต่อยากต่อยอดเรื่องของคนในพื้นที่ให้สามารถเล่าเรื่องราวของตัวเองได้อย่างยั่งยืนไม่ใช่การที่ให้มหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานเข้าไปทำอยากติดเครื่องมือให้คนในชุมชน มีเทคนิคการสื่อสารเทคนิคการเล่าเรื่องอาจจะต้องสื่อสารและเข้าไปช่วยเป็นพี่เลี้ยงแต่ประเด็นที่สำคัญต้องยอมรับว่าพอเราใช้เทคโนโลยีที่ Advance อย่าง AI Generate ก็จะได้ Skill ที่ไม่เท่ากันเช่น AI Generate เราอาจจะเข้าไป Support ในส่วนของผู้คนที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพสื่อเช่นสื่อชุมชน แต่ถ้าเป็นภาคประชาชนก็จะ Support ได้อีกแบบนึงแต่ก็สามารถเล่าเรื่องได้เหมือนกันในอีกระดับ ถ้าเป็นข้อเสนอในเชิงที่จะต่อยอดจากโครงการต่อไปคือเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กับการเล่า อ.เสริมสิริกล่าว
เนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเวียงลอ
“เป่งลึ้ง” พื้นที่โล่งแจ้งทางปัญญา โดยหนุ่มสาวเวียงลอ