น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้มากมาย โดยเฉพาะปัญหาโคลนที่เข้าท่วมบ้านเรือนและอุดตันระบบระบายน้ำ สองเดือนของการฟื้นฟู ยังไม่สิ้นภารกิจ
นับถอยหลังวันที่ 28 ตุลาคมต.ค.นี้ ทางกระทรวงกลาโหมมีกำหนดส่งมอบพื้นที่งานในส่วนของกองทัพที่เข้าพื้นที่ทำงานราวสองเดือน โดยมีกำลังพลอยู่ในพื้นที่ปัจจุบัน 1,100 คน พร้อมเครื่องจักรยานยนต์ขนาดใหญ่จำนวนมาก ทางกองทัพและกำลังพลจึงเร่งทำงานในส่วนที่เกินกำลังของพื้นที่ และในเดือนหน้าจะเป็นช่วยการเปลี่ยผลัด ที่กองทัพต้องเตรียมการตามภาระหน้าที่ และในการถอนกำลังครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงรัฐบาลถอนการสนับสนุน เพราะหลังจากนี้จะเป็นกระทรวงมหาดไทยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาดูแลต่อ
โคลนโจทย์ใหญ่ ที่ยังหมด
ปัญหาโคลนที่ยังคงเป็นภาระหนักของชาวแม่สาย แม้กองกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจะช่วยไปแล้ว แต่ในพื้นที่สาธารณะอย่างระบบระบายน้ำยังเป็นโจทย์ที่จัดการอีกนาน
รถตัก JCB 1 คัน รถเเบ็คโฮเล็ก 1 รถไถ 1 คัน นี่คือศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาลตำบลเเม่สายยามภาวะปกติที่ นายชัยยนต์ ศรีสมุทร หรือนายกเอ นายกเทศมนตรีตำบลแม่สายเล่าให้ทีมงานฟัง หากมีการถอนกำลังและให้เทศบาลเดียวในการฟื้นฟูระบบระบายน้ำ ลำพังเทศบาลตำบลเเม่สาย ทำได้ราว 40-70 เมตรต่อวัน ดังนั้นแผนการฟื้นฟูระบบระบายน้ำจำเป็นต้องร้องขอหน่วยงานท้องถิ่นข้างเคียงเข้ามาช่วย
ระบบระบายน้ำของเทศบาลตำบลเเม่สาย แบ่งเป็น ระบบปิด 20 เปอร์เซ็น และระบบเปิด 80 เปอร์เซ็น งานระบบปิด ตอนนี้มี อบจ.สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร มาช่วยโดย กรุงเทพมหานครจะช่วยจนเสร็จสิ้นภารกิจ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเเล้วเสร็จราว ต้นเดือนพฤศจิกายน
“ต้องเปิดระบบระบายน้ำให้ประชาชนให้ได้” สุวัฒน์ วุฑฒิธรรม หัวหน้าฝ่ายซ่อมบำรุง กองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง กทม.
ส่วนของกรุงเทพมหานครช่วยจัดการโคลนในระบบปิดเป็นหลัก ต้องให้ระบบน้ำทิ้งไหลโฟล์ให้ได้ ไม่งั้นฝนตกลงมา น้ำท่วมอีกเหมือนเดิม ตอนนี้ส่วนของ กทม.น้ำรถดูดโคลนมาช่วย 6 คัน รถขุดตัก 2 คัน รถน้ำ 8 คัน คนงานอีก 90 คน จัดการโคลนได้วันละกว่าร้อยเมตร
เเละยังต้องช่วยให้จบภารกิจต้องเเข่งกับเวลา โคลนยิ่งเเห้งยิ่งจัดการยาก ภารกิจฟื้นแม่สายไม่ได้มีเเค่โคลนในท่อระบายน้ำ แต่ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำต่ออีก
ทำอย่างไร จะให้การจัดการโคลนทำได้เร็วกว่านี้ นี่คือโจทย์