เปิดแคมป์ ยกพลคนน้ำพริก 4 ภาค แซ่บ หรอย อร่อย ลำ

เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน กับแคมป์ยกพลคนน้ำพริก ที่ให้พ่อครัวแม่ครัวจากทั่วประเทศ ได้มาเรียนรู้ร่วมกัน ในพื้นที่เมือง 3 น้ำ บ้านท้ายหาดรีสอร์ต (Baan Tai Had Resort) สมุทรสงคราม เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเด็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ soft power ผลักดันน้ำพริกไทย เรียนรู้ต้นตำหรับน้ำพริก  พร้อมแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาการทำน้ำพริก เครื่องแกง หลากรส หลายสูตรการกินน้ำพริกพื้นถิ่นวัฒนธรรมอาหารตามฤดูกาล กับแม่ครัวพ่อครัวจาก 4 ภาค เหนือ กลาง อีสาน ใต้

อัมพรรณ จันทะศร  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนทาม จ.ศรีสะเกษ เกษตรกรชาวราษีไศล ผู้ปลูกผักปลอดสารหลากหลายชนิด ทั้งนำมาแปรรูป และนำไปขาย ต่อยอดทำน้ำพริกปลาร้า และอาหารตามฤดูกาล เล่าถึง น้ำพริก อย่าง“แจ่วบอง” เป็นวิถีวัฒนธรรมรากเหง้าคนทามในภาคอีสาน

“แม่ศรีมาจากราษีไศล เป็นสายแม่น้ำมูล ได้นำเอาแจ่วบอง ซึ่งมันบ่งบอกถึงวิถีคนทาม แล้วก็มันเป็นภูมิปัญญาผู้เฒ่าพ่อแม่เฮาที่มาผูกพันกับแจ่ว คือ วิถีบ้านแม่ศรีก็คือหากินในป่าทาม แล้วก็สิ่งที่มันอุดมสมบูรณ์ในป่าทามถ้าลงทามไปต้องมีแจ่วบอง สามารถเอาไปกินกับปิ้งปลาก็ได้ เอาไปใส่ต้มปลาก็ได้ เอาไปกินกับหอยก็ได้ เอาไปกินกับผักต่าง ๆ ก็ได้ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งผลไม้ทาม มะดัน มะแซว หัวลิง เราไปหาเอาข้างหน้านี่คือวิถีคนทามเขาจะกินแบบนี้ ไม่ว่าเขาจะไปทามไปที่อื่นเขาก็จะห่อข้าวกับแจ่วกับเกลือไปแค่นี้ นี่คือมันบ่งบอกถึงว่าเป็นวัฒนธรรมพ่อแม่ เป็นวัฒนธรรมที่ถนอมอาหารจากวัตถุดิบที่เรามีก็คือบ้านทางอีสานเขาจะมีปลาร้า เอามาทำเป็นน้ำพริก คนอีสานผูกพันกับแจ่วบอง แจ่วปลาร้า แล้วก็อีกอย่างหนึ่งซึ่งมันสิถ่ายทอดไปถึงลูกหลานที่ได้กินแจ่ว”

หนิง ศิรินทร์ทิพย์ สิริจริยา หน่ออ่อนผู้สืบสาน คนรุ่นใหม่ที่บ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีที่มีความผูกพันกับป่า เป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนเรื่องของวัฒนธรรม อาหารการกิน เครื่องแต่งกาย ได้เล่าถึงวัตถุดิบพืชพื้นถิ่นพิเศษที่หาที่อื่นไม่ได้อย่าง ห่อวอ ที่เติบโตในไร่หมุนเวียนของชาวปกาเกอะญอ และมีพืชอื่น ๆ มาแลกเปลี่ยนในแคมป์น้ำพริก

“เอาพริก ห่อวอ แล้วก็มะเขือเทศค่ะ ที่อยู่ในไร่หมุนเวียนซึ่งในไร่หมุนเวียนก็จะมีแค่ของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ก็เลยเอาเป็นซิกเนเจอร์ที่มันอยู่ในแค่ในไร่หมุนเวียน ซึ่งในไร่หมุนเวียนเราก็จะมีเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เราปลูกในไร่หมุนเวียนก็คือจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น หนูคิดว่าทุกอย่างมันมีมันก็จะหายไปเรือนรางหายไปตามกาลเวลาทุกอย่างเลยแล้ว ก็ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง อาหาร น้ำพริกอย่างนี้ ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งน้ำพริกก็คือเราทำในชุมชนเราตั้งแต่ปู่ย่าตายบรรพบุรุษ ก็กินมาทุกมื้อจนปัจจุบัน พ่อแม่ก็ยังกินทุกมื้อเป็นตัวอย่างให้เราได้กินตั้งแต่เด็กเราก็เห็นมาแล้วเราก็ได้กินมาด้วยแล้ว พอต้องออกไปเรียนข้างนอกเราก็ไม่ได้กินบ่อยเหมือนอยู่ที่บ้านแล้วมันก็ทำให้เราห่างหายจากตรงนั้นไปแล้ว ก็พอเรามองย้อนกลับมาอีกทีหนึ่งเราก็รู้สึกว่ามันในหมู่บ้านของเรา มันมีสิ่งที่ดีแล้วก็มันเป็นเค้าเรียกว่าเอกลักษณ์ของเรา”

ศิรินทร์ทิพย์ สิริจริยา ยังเล่าเพิ่มอีกว่าได้กลับมาอยู่บ้านสืบสานวัฒนธรรมของท้องถิ่น รวมกลุ่มกับเยาวชนในชื่อว่ากลุ่มหน่ออ่อนผู้สืบสาน

 “เราเรียกตัวเองว่าหน่ออ่อน แล้วก็กลุ่มของเราก็จะเป็นเยาวชนที่จริง ๆ ในหมู่บ้านห้วยหินลาดในของเรา ก็จะมีเยาวชนอยู่ 3 รุ่นก็คือรุ่นแรก ก็คือจะเป็นรุ่นต่อสู้ แล้วก็รุ่นถัดมาก็ คือรุ่นฟื้นฟูเอาวัฒนธรรมมาเก็บเป็นลายลักษณ์อักษรมากขึ้น แล้วก็รุ่นที่ 3 ก็คือรุ่นหนิงค่ะ ก็คือจะเป็นรุ่นที่ เรียกว่ารุ่นสืบสานถ่ายทอดสืบทอดแล้วก็เรียนรู้จริง ๆ ให้แก่ในชุมชน แล้วก็เอาไปถ่ายทอดให้น้อง ๆ ในชุมชน เราก็จะสอดแทรกเรื่องของวัฒนธรรมที่เราไม่อยากให้เด็ก ๆ ลืม แล้วก็คิดว่าตอนนี้ในชุมชนเราคิดว่ากลุ่มของเยาวชนของเราก็อยากจะทำหนังสือเป็นเล่มไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม อัตลักษณ์ เอกลักษณ์หลายอย่าง ที่เป็นของปกาเกอะญอของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเรา แล้วก็อาหารตามฤดูกาล วิถีการใช้ชีวิต วิถีชีวิตของเรา แล้วก็มีเรื่องของเมล็ดพันธุ์ คือ อยากจะทำเป็นหนังสือ เป็นเล่มออกมาค่ะ”

นอกจากนี้แล้ว พ่อครัวแม่ครัวยังได้นำวัตถุดิบที่บ่งบอกถึงพื้นที่ท้องถิ่นมาแบ่งปันที่แคมป์ อย่างเช่น พริกเครือ มะสัง ที่มีให้กินเฉพาะหน้าฝน หัวน้ำปลาปลาสร้อย ไข่เค็มน้ำมะดัน ถั่วเน่า แจ่วบอง มะไห่ พริกจินดาอินทรีย์ และพริกบางช้าง เป็นพืชพื้นถิ่นเก่าแก่ในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม พบตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยพริกบางช้างถูกจัดตระกูลเดียวกับพริกชี้ฟ้า ในสมัยก่อนนิยมใช้เป็นส่วนผสมในอาหารให้มีสีสด ทั้งรสชาติไม่เผ็ดจนเกินไป ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญของอาหารชาววัง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีให้เห็นลดน้อยลง

“ในแง่ของพริกบางช้างที่ค่อนข้างที่จะหมดไปจากสังคมปัจจุบันเนี่ยมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ คือธรรมชาติของเกษตรกรไทย ไม่เน้นในการที่จะบำรุงรักษาพันธุ์ที่เป็นดั้งเดิม” วัฒนะ บุญจับ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา วรรณกรรม และวัฒนธรรม เล่าถึงที่มาความเปลี่ยนแปลงพริกบางช้าง

“เราจะสังเกตว่าไม่เฉพาะแค่พริกหรอก ทุกอย่างเป็นการนำเอาพันธุ์โน้นมาผสมพันธุ์นี้ จนกระทั่งหาพันธุ์แท้ยากเต็มทีนะครับ แล้วก็คงต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่าบรรดาพืชพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการตัดต่อสายพันธุ์เนี่ย ถึงแม้ว่าจะมีความงดงามในบางเรื่อง บางพันธุ์ตัดต่อแล้วมีสีสันงดงามขึ้น บางสายพันธุ์ตัดต่อแล้วมีเม็ดใหญ่ขึ้น บางสายพันธุ์ตัดต่อมีความดกขึ้น แต่มักจะมีจุดเปราะ คือ ไม่ค่อยแข็งแรงนะ

แต่ว่าพริกบางช้าง มีส่วนที่เป็นจุดอ่อน คือ เป็นพริกที่มีพื้นที่ในการปลูกจำเพาะ เนื่องจากว่าเหตุที่มีรสชาติเป็นพิเศษต้องมีดินที่เป็นดินตะกอนปากแม่น้ำผสมกับบริเวณที่มีน้ำเค็มท่วมถึงนะครับ เราต้องยอมรับว่าเวลาที่ผ่านมานั้น พื้นที่ของสมุทรสงครามมีการเปลี่ยนแปลงเยอะนะครับจากการที่มีเขื่อนมีการกันน้ำนะครับ ดังนั้น บริเวณน้ำถึงเปลี่ยนการมีการตกตะกอนของดินปากแม่น้ำเปลี่ยนนะครับ แล้วอย่าลืมว่าในสมัยก่อเพราะบางช้างไม่ใช่สมุทรสงครามนะครับ บางช้างเป็นส่วนหนึ่งของราชบุรีนะครับ บางช้างเพิ่งถูกจัดเป็นของสมุทรสงครามในชั้นหลังนี่เองนะครับ ดังนั้น คนก็ต้องบอกว่าพริกบางช้างจริง ๆ แล้วก็คือเป็นพริกที่ปลูกอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ดังนั้น ทุกวันนี้เมื่อมันมีอากาศเปลี่ยนมีสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป พริกบางช้าง จึงไปงอกงามดีในราชบุรี มากกว่าที่อยู่ที่สมุทรสงครามครับ”

ด้วยสภาพอาการที่เปลี่ยนก็มีผลต่อพืชผลทางการเกษตร ทั้งสถานการณ์การผลิตและการตลาดของพริก เช่น พริกหวาน พริกหยวก พริกหนุ่ม พริกชี้ฟ้า พริกจินดา และพริกบางช้าง ที่มีจำนวนลดลงทางด้านศูนย์วิจัยแลพัฒนาพืชผักเขตร้อน ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน พยายามอนุรักษ์ ทดลองและต่อยอดการผลิตจนได้ “พริกมันบางช้าง” อีกสายพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักเขตร้อนคิดค้นขึ้นมา

ดร.ชัชมาศ กาญจนอุดมการ หัวหน้าศูนย์วิจัยแลพัฒนาพืชผักเขตร้อน ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เล่าถึงการปรับปรุงวิจัยพันธุ์พริกมันบางช้าง อนุรักษ์คัดพันธุ์ที่มันมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม

“พริกมันบางช้างเป็นพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักเขตร้อนคิดค้นขึ้นมา ปรับปรุง คือคัดเลือกมาแล้วก็ปล่อยพันธุ์มา 30 กว่าปี แต่ว่ามันก็ยังอยู่ในตลาดอยู่ เพราะว่าเขามีความดกค่ะ ก็คือต้นหนึ่งต้นจะปลูกได้ผลผลิตประมาณ 1 กิโลกรัมค่ะ แล้วก็ความดีเด่นของเขาก็คือว่าผลลักษณะตรงตามความต้องการของตลาด มีความยาวตรงผิวมัน เวลาใส่อาหารแล้วสวย ใช้ได้ทั้งผลเขียวผลแดง ผลแห้งก็ใช้ได้ด้วยนะคะ มันก็เลยยังเป็นพริกอุตสาหกรรมที่ดีอยู่ค่ะ

แต่ว่าข้อเสีย คือ เขาอ่อนแอต่อโรคแล้วก็แมลงหลาย ๆ ชนิด เราก็เลยมาทำการปรับปรุงพันธุ์นะคะ ถ้างั้นทำยังไงดีให้พริกมันบางช้างของเราให้มีความต้านทาน หรือว่าเพิ่มลักษณะอะไรบางอย่างเข้ามา เราก็เลยเลือกพันธุพันธุ์ที่อยู่ในหน่วยเชื้อพันธุกรรมของเรานะคะก็ คือ เอามาดูว่ามันมีพันธุ์ไหนที่น่าสนใจมที่เราก็เจอว่ามันมีพริกม่วงที่ มีความต้านทานโรคแล้วก็แมลงในระดับหนึ่งนะคะก็เลยมาผสมกับพริกมันบางช้างแล้วก็ได้เป็นพริกมันม่วงออกมา”

การปรับปรุงวิจัยพันธุ์ เป็นอีกทางเลือกในการขยายผลผลิตพันธุ์พริกที่เข้ากับสภาพอากาศ อีกทั้งยังเพื่อรักษาวัตถุดิบท้องถิ่นสำคัญของพื้นที่ให้เป็นที่รู้จัก

จากงานแคมป์ยกพลคนน้ำพริกในครั้งนี้ ก็เป็นอีกกิจกรรม ที่ช่วยเชื่อมร้อยเครือข่ายพ่อครัวแม่ครัว จาก 4 ภูมิภาค เหนือ อีสาน กลาง ใต้  ได้มีพื้นที่แสดงศักยภาพ นำวัตถุดิบของดีท้องถิ่นมาแลกเปลี่ยน ทั้งเติมความรู้ด้านอาหารเฉพาะถิ่น และการแปรรูปมาเสริมกันจนเกิดเมนูที่สร้างสรรค์ใหม่ๆ  เพื่อเพิ่มมูลค่า กระตุ้นเศรษฐกิจเรื่องอาหารจากครัวไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

แชร์บทความนี้