

ท่ามกลางคราบน้ำตา หลายภาคส่วนได้พยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เช่น การปล่อยปลากินเนื้อ อย่างปลากะพงขาวลงไปในบ่อ เพื่อให้มันไปกินปลาหมอคางดำ หรือการช่วยกันจับไปทำอาหาร และคิดวิธีการแปรรูปสร้างมูลค่า แต่ก็ยังติดเงื่อนไขการห้ามโฆษณาสินค้าจากปลาหมอคางดำ รวมทั้งยังมีความกังวลว่านั่นจะเป็นการส่งเสริมให้มีสิ่งมีชีวิตนี้ยังคงอยู่ในลำน้ำ
ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในปัจจุบัน นำมาสู่การเปิดเวทีสนทนา “ฟังเสียงประเทศไทย: ภัยคุกคามปลาหมอคางดำ ที่วัดศรีสุทธาราม (วัดกำพร้า) จ.สมุทรสาคร เพื่อพูดคุยกันถึงสาเหตุต้นตอของปัญหา และร่วมกันหาทางออกกับตัวแทนประมงพื้นบ้าน กลุ่มผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากกรมประมง นักวิชาการ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร และสภาเกษตรจากหลายจังหวัด กว่า 50 คน

ฟังเสียงประชาชน มุมมองต่อปลาหมอคางดำ







ทำความรู้จัก “ปลาหมอคางดำ”
พันธุ์สัตว์น้ำรุกรานจากต่างถิ่น


ในระดับโลก “สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างถิ่น” คือปัญหาสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม จากรายงาน “Report on Invasive Alien Species” (พ.ศ. 2566) ขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ในหลายพื้นที่ทั่วโลกเกิดความโกลาหลด้านสิ่งแวดล้อมจากการรุกรานของพืชและสัตว์ต่างถิ่น

เส้นทางของปลาหมอคางดำในประเทศไทย

ต่อมาปี 2553 มีการนำเข้าปลาหมอคางดำจำนวน 2,000 ตัว มาเพาะเลี้ยงในศูนย์ทดลอง ในพื้นที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
และในวันนี้ ปลาหมอคางดำ ได้กลายเป็น เอเลี่ยนสปีชีส์ หรือ สิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำลายสัตว์น้ำประจำถิ่น สร้างปัญหาในกว่า 13 จังหวัดของไทย

จากนั้นพบแพร่ระบาดไปยังแม่น้ำประแสร์ จ.ระยอง และในเขตภาคใต้คือ จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ชุมพร ส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยของสัตว์น้ำพื้นถิ่นและระบบนิเวศแหล่งน้ำ
ล่าสุด พบการระบาดของปลาหมอคางดำไกลไปถึงพื้นที่ จ.สงขลา บริเวณคลองแดน อ.ระโนด ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า เริ่มเจอครั้งแรกเมื่อราว ๆ 2 ปีก่อน แต่เรียกกันว่าปลานิลแก้มดำ ในช่วงปีที่พบมาก ๆ แต่ละวันจะจับได้ คนละ 20-30 กิโลกรัม

ปลานักกินที่นำมาซึ่งหายนะ


ขนาดตัวโตเต็มวัย ลําตัวยาวถึง 8 นิ้ว เพศผู้จะมีสีดําบริเวณหัวและบริเวณแผ่นปิดเหงือก มากกว่าเพศเมีย สามารถผสมพันธุ์ทุก ๆ 22 วัน วางไข่ได้ทั้งปี


ปัจจุบัน ในหลายพื้นที่แม้จะมีปลาหมอคางดำจะมีจำนวนมากในแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่คนไม่นิยมนำไปรับประทาน เพราะเนื้อบาง ก้างเยอะและกินไม่อร่อย จึงมักขายไม่ได้ราคา
จากลำคลองสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

หากเทียบราคาสัตว์น้ำที่ปลาหมอทำลาย
กุ้งขาว 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 120 – 170 บาท (แล้วแต่ขนาด)
กุ้งก้ามกราม 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 160 – 350 บาท (แล้วแต่ขนาด)
ปลานิล 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 60 บาท
ขณะที่ปลาหมอคางดำ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 – 5 บาท

มาตรการกำจัดปลาหมอคางดำของภาครัฐ


- 1.ปลาหมอคางดำ
- 2.ปลาหมอมายัน
- 3.ปลาหมอบัตเตอร์
สำหรับแนวทางในการอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับมาสมบูรณ์ มีข้อเสนอ ทั้งการป้องกัน การควบคุม การตรวจจับในช่วงต้นและการกำจัด รวมทั้งการส่งเสริมให้นำปลาหมอคางดำมาบริโภค และแปรรูปเป็นอาหาร เพื่อเพิ่มมูลค่า

3 ฉากทัศน์การจัดการปัญหาปลาหมอคางดำ

ฉากทัศน์ที่ 1 เกินต้าน

รัฐส่วนกลางร่วมกับหน่วยงานราชการในท้องถิ่นทำหน้าที่เฝ้าระวังและจัดทำบัญชีรายชื่อและข้อมูลของสิ่งมีชีวิตทั้งในพื้นถิ่นและต่างถิ่นให้เป็นปัจจุบัน เพื่อจัดทำมาตรการสนับสนุนให้ท้องถิ่นปกป้องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และกำหนดกรอบในการพิสูจน์ความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือ ชดเชย และเยียวยา แต่การฟื้นฟูนิเวศธรรมชาติอาจทำได้ยาก
ประชาชน ประชาสังคมและสถาบันการศึกษา ต้องลุกขึ้นมาร่วมรับมือปกป้องทรัพยากรท้องถิ่น ด้วยการติดตามความเปลี่ยนแปลงโดยร่วมสร้างฐานข้อมูลของชุมชน ทรัพยากรที่เปราะบางและสำคัญของท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ เพื่อรับมือปัญหา ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือเทียบเคียงคู่ขนานกับของหน่วยงานรัฐ สามารถใช้เพื่อยืนยันความเสียหายและเรียกร้องการชดเชยเยียวยา ต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากบริษัทเอกชนและรัฐได้
ฉากทัศน์ที่ 2 เผื่อใจ

รัฐส่วนกลางมีหน้าที่และบทบาทหลักในการควบคุม ดูแลและบริหารความเสี่ยง รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตจากต่างถิ่นที่เป็นภัยคุกคามทั้งต่อคน ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ โดยร่วมทุนกับสถาบันวิชาการ เพื่อศึกษา ค้นคว้า วิจัย เพื่อการป้องกัน ควบคุม และจัดการ
รวมทั้งแสวงหาแนวปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ สร้างเม็ดเงินให้ชุมชน และจัดตั้งกองทุนโดยนำรายได้มาจัดสรร เพื่อการชดเชย เยียวยาและฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้านท้องถิ่นและประชาชนมีส่วนสำคัญในการร่วมมือกับรัฐส่วนกลาง และสถาบันวิชาการ ในการรวบรวมข้อมูลพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อส่งมอบต่อไปยังคนในชุมชนที่ต้องได้รับผลกระทบ ให้พร้อมกับการรับมือความเปลี่ยนแปลง
ฉากทัศน์ที่ 3 เลิกรา

รัฐส่วนกลางมีบทบาทนำในการออกกฎระเบียบ กฎหมายเพื่อควบคุมและจัดการการตั้งแต่ต้นทางของการนำเข้าและส่งออก การเคลื่อนย้าย ตลอดจนการหยุดยั้งการกระจายของสิ่งมีชีวิตต่างถิ่น โดยมีบทลงโทษที่ชัดเจน และการควบคุมที่เข้มงวด รัดกุม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาระบบข้อมูลอย่างครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน สนับสนุนเทคโนโลยีสมัยใหม่ และจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่น ประชาสังคม และสถานบันการศึกษา เข้ามามีส่วนร่วมปกป้องพันธุ์ท้องถิ่น และความสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อม หากเกิดความเสียหายหรือผลกระทบต่อวิถีชีวิต การประกอบอาชีพและสภาพแวดล้อม รัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ดำเนินการฟ้องร้อง เพื่อให้ผู้ก่อผลกระทบต้องเป็นผู้ชดเชย เยียวยา และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
ด้านประชาชนพัฒนาองค์ความรู้และร่วมเป็นกำลังหลักในการเฝ้าระวัง
ฟังเสียงผู้เกี่ยวข้อง การจัดการที่ต้องเกิด

- ประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง
- กุณสมบัติ ศิริสมบัติ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร
- มงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมง
- พิชญา ชัยนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง

ช่วงต้นปี 2561-2562 ดูเหมือนว่าควบคุมได้บ้าง จากการนำปลากะพงขาวและปลาอื่น ๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและมีนิสัยการล่า เช่น ปลากะพงทอง มาปล่อยในที่ระบบบนิเวศ ซึ่งกำลังทดสอบใกล้เสร็จแล้ว สำหรับในส่วนที่หนาแน่นน้อยก็ใช้แนวทางนี้เช่นเดียวกัน ส่วนของพื้นที่ไม่มีการแพร่ระบาดเช่นจังหวัดทางอันดามันหรือใต้สงขลาลงไป จัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ทั้งหมดนี้คือภาพกว้าง
กรมประมงวันนี้กรมเดียวคงเอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วน ตั้งแต่ทางจังหวัด ไม่ว่าจะ อบต. เทศบาล อบต. รวมถึงฝ่ายปกครองต้องช่วยกัน กรมประมงไม่สามารถเข้าไปได้ทุกพื้นที่ แต่กำนันผู้ใหญ่บ้านมีทุกพื้นที่ สามารถแจ้งส่งข้อมูลให้กรมประมงเข้ามาได้ว่า ตรงไหนเริ่มมีการระบาดหนาแน่นแล้วต้องเร่งกำจัด เพื่อลงไปจัดการ ทั้งในช่วงที่มีการระบาดแล้วและติดตามหลังระบาด
ประพันธ์ เน้นย้ำว่า จะใช้ทุกวิธีการในการกำจัด ควบคุมและเฝ้าระวังทุกช่องทาง แต่การกำจัดจับทิ้งเพียงอย่างเดียวอาจเป็นการจำกัดกรอบ เพราะการแปรรูปหรือการนำมาประกอบการอาหารนับเป็นหนึ่งในแรงจูงใจในการนำปลาหมอคางดำขึ้นจากแหล่งน้ำธรรมชาติ บ่อเลี้ยงหรือร่องสวน และสามารถสร้างเงินได้

ในการแก้ปัญหาในระบบปิดง่ายกว่าอยู่แล้ว แต่ในระบบเปิดก็กว่าไม่ได้ยากกว่า ในการป้องกันปลาหมอคางดำเพราะทางกรมประมงเคยให้คำแนะนำแล้วว่า ให้มีการวางระบบกรองไว้คือการวางอวนไว้ที่ระบบของท่อส่งน้ำเข้าสู่บ่อ ชั้นแรกสุดคือเพื่อให้กันปลาหมอคางดำเข้าบ่อ ส่วนที่ลอดตาข่ายเข้าไปก็จะให้ปลาเศรษฐกิจอื่นเข้าไปกินในบ่อ จากการวิจัยของกรมประมงสามารถป้องกันปลาหมอคางดำและสร้างรายได้ให้กับชาวประมงได้

การกำจัดปลาหมอคางดำมีหลายกิจกรรม ที่ได้ทำไปแล้วก็ในเรื่องการแข่งขันใช้เครื่องมือในการจับปลาหมอคางดำ ขณะเดียวกันก็มีการจัดแข่งขันการกินปลาหมอคางดำเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา และมีแผนที่จะจัดการต่อไป

1.ต้องตั้งเป็นปัญหาระดับชาติ
2.การให้ข้อมูลความรู้กับประชาชนโดยทั่วก่อนว่าปลาหมอคางดำเป็นเอเลียนสปีชีส์ เป็นปัญหาต่อสัตว์ท้องถิ่น เพราะวันนี้หน้าวัดยังให้อาหารปลาหมอคางดำกันอยู่เลย ร้านกาแฟริมน้ำยังขายอาหารปลาเลี้ยงมันอยู่ เพราะมองว่าเป็นของสวยงาม เป็นสันทนาการ
3.ใช้เครื่องมือประสิทธิภาพสูงในการจัดการครั้งแรกเป็นสิ่งสำคัญ โดยใช้อย่างถูกต้อง ใช้เฉพาะจุด กรมประมงต้องสนับสนุน เดิมอาจเป็นเครืองมือที่ถูกประกาศห้ามใช้ในแหล่งน้ำสาธารณะ แต่วันนี้ควรต้องปลดล็อกให้นำกลับมาใช้ กรมประมงไม่ต้องทำอะไรเพียงอำนวยความสะดวก ภาคประชาชนก็พร้อมกันจัดการ
4.วันนี้ราคารับซื้อปลาหมอคางดำเป็นปัญหา จับไปเจอแต่ปลาหมอคางดำ ชาวประมงอยู่ไม่ได้ ดังนั้นมาตรการอุดหนุนและรับซื้อจากภาครัฐต้องเข้ามา เพื่อให้ทำการประมงได้และนำปลาพวกนี้ออกจากลำน้ำ และ
5.การให้องค์ความรู้เรื่องการเพาะเลี้ยงในบ่อ และต้องจัดการทั้งระบบทั้งแหล่งน้ำสาธารณะและบ่อเลี้ยง
ในมุมมองภาคเอกชน วันนี้เราไม่ต้องการอยู่ร่วมกับปลาหมอคางดำ ถ้าวันนี้ภาครัฐใช้นโยบายวิธีการรับซื้อ 100% อาจทำให้เกิดการใช้งบประมาณมหาศาล แต่ถ้าปรับมาใช้วิธีกำจัดแล้วนำไปใช้ประโยชน์ตนเห็นด้วย มีเงื่อนไขว่าต้องไม่ส่งเสริมให้เกิดการเลี้ยงต่อในทุกกรณี การนำมาแปรรูปสร้างรายได้ ในปัจจุบันใครประกอบการแปรรูปอยู่สามารถทำต่อได้ตามบริบทของพื้นที่ แต่เพื่อกำจัดให้หมดไปเท่านั้น
เราต้องกำจัดออกไม่ใช่การอยู่ร่วมกัน เข้าใจว่าการกำจัดจนแหลือตัวสุดท้ายเกิดขึ้นได้ยากและต้องใช้งบประมาณและทรัพยากรสูงแต่นี่คือเป้าหมายที่จำเป็นต้องตั้งแบบนั้น เรื่องระยะเวลาหากตั้งเป้าสูงแบบนี้ภายใน 5-10 ปีอาจได้ควบคุมสถานการณ์ได้ หากตั้งเป้าไว้แค่ควบคุม 10 ปีอาจสำเสร็จไม่ได้ด้วยซ้ำ การจัดการปลาหมอคางดำครั้งนี้ต้องลงมือสนับสนุนและปฏิบัติอย่างจริงจัง