กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ฯ จี้รัฐบาลเยียวยาชาวบ้านมูโนะ ผ่านไปเกือบปีชาวบ้านนับร้อยยังไม่มีที่อยู่ ‘จาตุรนต์’ ชี้ เหตุเกิดจากความบกพร่องของรัฐ ต้องเยียวยามากกว่าหลักเกณฑ์

เมื่อวันที่ (4มิ.ย.67)ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมาธิการ และนายรอมฎอน ปันจอร์ รองประธานกรรมาธิการ แถลง ณ รัฐสภา ในกรณีได้ยื่นหนังสือต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนะเร่งด่วนเกี่ยวกับกรณีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุโกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิดที่ตลาดมูโนะ ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส

จากการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน จ.นราธิวาส ของกมธ.ชุดดังกล่าว เมื่อวันที่ 31พ.ค.-2มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้ลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจประชาชนมูโนะทำให้พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 29 กรกฎาคม 2566 และเป็นข่าวสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ด้วยมีผู้ได้รับผลกระทบมากถึง 2,513 คนใน 682 ครัวเรือน มีผู้บาดเจ็บ 389 คน และเสียชีวิต 11 ราย รวมทั้งมีบ้านเรือนเสียหาย 649 หลัง โดยเสียหายทั้งหลัง 82 หลัง พบว่าได้มีการช่วยเหลือโดยคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีสำหรับค่าซ่อมบ้านตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายเป็นจำนวนเงิน 49,500 บาทต่อราย

โดยบ้านที่เสียหายทั้งหลังมีการเซ็นสัญญาสร้างบ้านกับรัฐไปเพียง 2 หลังเท่านั้น จาก 82 หลัง ส่วนบ้านที่เสียหายบางส่วนประชาชนซ่อมบ้านด้วยตนเองไปกว่า 368 หลัง จากเงินที่รัฐให้จำนวนเพียง 49,500 บาท รวมกับเงินที่ได้รับการบริจาคของประชาชนทั่วประเทศและองค์กรอื่น ๆ จำนวน 34 ล้านบาทที่มีจังหวัดรับเป็นศูนย์กลางในการรับเงินช่วยเหลือ แม้องค์กรที่หลากหลายนี้เข้ามาช่วยเหลือเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่พบว่าการช่วยเหลือนี้มีลักษณะต่างกัน ทั้งในแง่ความเร็วช้า วงเงินในการเยียวยา การรวบรวมข้อมูลผู้เสียหาย และไม่มีหน่วยงานมาจัดการภาพรวม ทำให้ประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือช้าหรือบางส่วนตกหล่นไม่รู้จะไปเสนอปัญหากับใคร

เงินจากภาครัฐโดยคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีมีการอนุมัติตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่ ๆ ไปแล้ว 107 ล้านบาทแต่กลับไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากขัดระเบียบ ทำให้มีการเรียกร้องให้ยกเว้นระเบียบมาโดยตลอด จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปถึง 9 เดือนจึงมีการเห็นชอบยกเว้นหลักเกณฑ์โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

ประธานกรรมาธิการกล่าวว่า ในการลงพื้นที่พบว่ายังมีข้อมูลตกหล่น ประชาชนบางรายมาให้ข้อมูลโดยตรงว่าใช้เงินตนเองซ่อมบ้านไปแล้วล้านกว่าบาท แต่ยังไม่ได้รับเงินจากทางราชการเลย หลายคนทำอาชีพขายของในตลาดเมื่อเกิดเหตุการณ์จึงสูญเสียอาชีพไปเป็นปี และปัจจุบันต้องใช้เงินตนเองไปเช่าบ้านเองหรือได้รับเงินบริจาคก็มาล่าช้ากว่าการจ่ายค่าเช่าบ้าน และประชาชนบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงการพูดจากับผู้รับผิดชอบระดับสูง เช่น เมื่อคณะกรรมาธิการเราไปรับฟังถึงพืนที่ ชาวบ้านบางส่วนต้องหาทางซิกแซกเพื่อมาพบกับเรา

“หลักการสำคัญอย่างหนึ่งก็คือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องภัยธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องของความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัด ดังนั้นการไปใช้หลักเกณฑ์แบบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติก็ดีผู้ประสบผลกระทบกับความไม่สงบก็ดี เป็นการช่วยเหลือที่ไม่เพียงพอ เนื่องจากว่าความเสียหายครั้งนี้เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากการที่โกดังพลุดอกไม้ไฟซึ่งเป็นวัตถุระเบิด ลักลอบเก็บโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถตรวจสอบควบคุมได้ ดังนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นความบกพร่องของรัฐจะมารับผิดชอบตามหลักเกณฑ์แค่ 50,000 บาทไม่ได้ แต่ต้องมีการรับผิดชอบขั้นต่ำคือเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น กฎหมายระเบียบอะไรที่ยกมาใช้ได้ต้องเอามาใช้ให้หมด ความจริงจะใช้งบกลางในกรณีฉุกเฉินก็ได้ แต่ที่สำคัญคือต้องทำให้เร็ว และครอบคลุมครบถ้วน” จาตุรนต์ กล่าว

ด้านนายรอมฎอน ปันจอร์ รองประธานกรรมาธิการ กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องแรกๆที่สภาผู้แทนราษฎรมีการตั้งกระทู้สดอภิปรายกันในสภาอย่างเข้มข้นและกรรมาธิการหลายชุดติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด จึงอยากจะให้ทางรัฐบาลช่วยยกระดับของการแก้ไขปัญหาที่สลับซับซ้อนนี้ ที่สำคัญก็คือมีมาตรการช่วยเหลือจากองค์กรนอกภาครัฐด้วย ทั้งเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของจุฬาราชมนตรี หรือมูลนิธิคนช่วยคน แต่เราพบว่าการความช่วยเหลือนั้นยังไม่เห็นมีภาพรวม และมีช่องว่างอยู่ไม่น้อยทีเดียว จึงสมควรที่จะตั้งคณะทำงานระดับชาติขึ้นมาโดยรัฐบาลเอง “อีก 2 เดือนเหตุการณ์จะครบ 1 ปี ท่านจะเห็นเลยว่าสภาพการยังไม่ได้มีการฟื้นฟูอย่างที่ควรจะเป็น ไม่นับรวมกับวิถีชีวิตตลาดนัดชายแดน ที่แต่เดิมมูโนะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย ตอนนี้สภาพเปลี่ยนไปอย่างมาก การที่รัฐบาลจ้องการเสนอผลักดันเรื่องเศรษฐกิจและการค้าชายแดน รวมทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยวจ่างๆ ที่ทางรัฐบาลชุดนี้ก็พยายามส่งเสริมมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าสัญลักษณ์ของการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวอย่างมูโน๊ะอยู่ในสภาพอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ท่านรองนายกเดินทางลงไปในพื้นที่จะแวะไปที่ด่านสุไหงโกลก และพอจะมีเวลาสักเล็กน้อยอาจจะแวะไปดูที่ตลาดด้วย”

แชร์บทความนี้