อีสานขานข่าว EP 11 : แผ่นดินไหวสะเทือนถึงอีสาน! บ้านเฮาปลอดภัยหรือต้องเตรียมตัว?

รายการ อีสานขานข่าว 31 มีนาคม 2568 เจาะลึกสถานการณ์ภัยพิบัติ หลังเหตุการณ์ตึกสตง. จตุจักร กรุงเทพฯ ถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จากแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวขนาด 8.2 จากรอยเลื่อนสะกายในพม่า ส่งผลให้หลายคนในอีสานรู้สึกถึงแรงสั่น และเกิดคำถามถึงความเสี่ยงและการเตรียมรับมือในภาคอีสาน มีผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านมาร่วมวิเคราะห์ ได้แก่

ดร.ฉัตรภูมิ วิรัตนจันทร์ รองคณบดีฝ่ายประกันคุณภาพการศึกษาและหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการปฐพี วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

ผศ.ยุทธ แม้นพิมพ์ นักธรณีวิทยาประจำอุทยานธรณีอุบลราชธานี

ดร.ประดิษฐ์ นูเล นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 2 ขอนแก่น กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เพื่อตอบคำถามถึงโอกาสเกิดแผ่นดินไหว ความรุนแรง และแนวทางปฏิบัติในภาคอีสาน

ประเด็นสำคัญ

  • อีสานเสี่ยงต่ำสุดในไทย : ภาคอีสานมีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับภาคเหนือ ตะวันตก และใต้ เพราะไม่มีรอยเลื่อนมีพลังในพื้นที่
  • รับรู้แรงสั่นจากภายนอกได้ : แม้ไม่ใช่จุดกำเนิดแผ่นดินไหว แต่อีสานรับรู้แรงสั่นจากรอยเลื่อนใกล้เคียง เช่น รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ หรือรอยเลื่อนในลาวและพม่าได้
  • ความรุนแรงสูงสุดที่คาด : หากเกิดแผ่นดินไหวในอีสาน ความรุนแรงสูงสุดราว 3-5 ตามมาตราเมอร์คัลลี อาจรู้สึกเพียงเล็กน้อย คนที่นอนหลับตกใจตื่น
  • เตรียมรับมือไม่ประมาท : แม้เสี่ยงน้อย ประชาชนควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติ เช่น หลบใต้โต๊ะ หรือหาที่ปลอดภัย เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยงอื่น
  • การก่อสร้างต้องได้มาตรฐาน : อาคารในอีสานส่วนใหญ่ทนแรงสั่นระดับต่ำได้ หากออกแบบและใช้วัสดุตามมาตรฐานกรมโยธาฯ

ดร.ประดิษฐ์ นูเล – นักธรณีวิทยา ได้กล่าวถึงความเสี่ยงในการเกิดแผ่นดินไหวต่ำสุดในไทย อีสานปลอดภัยที่สุดในประเทศเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น เพราะไม่มีรอยเลื่อนมีพลังเป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวโดยตรง แต่รับรู้แรงสั่นจากภายนอก เช่น ลาว หรือพม่าได้ เช่น รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ (ใกล้ขอบอีสาน) และรอยเลื่อนในลาว เช่น รอยเลื่อนตามลำน้ำโขง อาจส่งผลกระทบเล็กน้อย

ต่อคำถามเรื่องการเตือนภัย ประเทศไทยมีสถานีตรวจวัด 130 แห่งจากกรมอุตุฯ และ 58 แห่งจากกรมทรัพยากรธรณี ครอบคลุมดีในอีสานที่เสี่ยงต่ำ

อย่างไรก็ตาม แม้เสี่ยงน้อย แต่ควรเรียนรู้เรื่องแผ่นดินไหวไว้ เพื่อใช้เมื่ออยู่นอกอีสาน เช่น กรุงเทพฯ หรือต่างประเทศ อีสานมีความเสี่ยงและความพร้อมต่างจากญี่ปุ่นมาก แต่การเรียนรู้จากธรรมชาติยังจำเป็น

ผศ.ยุทธ แม้นพิมพ์ – นักธรณีวิทยา พูดถึงประวัติศาสตร์แผ่นดินไหวในอีสานว่า ไม่มีบันทึกชัดเจนในอีสานโบราณ แต่ 30 ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์เล็กๆ ขนาด 1-3 แมกนิจูด เช่น ที่เลยและบุรีรัมย์ คนแทบไม่รู้สึก

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว กิจกรรมมนุษย์ เช่น การขุดเจาะระเบิดหินหรือสร้างเขื่อน อาจมีผลเพราะการกักเก็บน้ำในเขื่อน (Reservoir Induced Earthquake หรือ Reservoir Induced Seismicity, RIS) เนื่องจากเกิดจากน้ำหนักน้ำกดทับพื้นดินเพิ่มขึ้นประกอบกับแรงดันน้ำทำให้แทรกตัวเข้าไประหว่างรอยเลื่อนของแผ่นดิน จึงมีการขยับตัวและเกิดแผ่นดินไหว แต่จะมีขนาดเล็ก เพราะพลังงานที่ก่อแผ่นดินไหวต้องมหาศาล

ผลกระทบหากเกิดแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้าน และรู้สึกได้ในอีสาน คาดว่าสูงสุดราว 3-5 ตามมาตราเมอร์คัลลี อีสานเหนือ (เช่น เลย บึงกาฬ) อาจรับผลกระทบจากรอยเลื่อนลาวมากกว่า

คำแนะนำ เราเรียนรู้การอยู่กับธรรมชาติ เช่น หลบที่ปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุ และติดตามข้อมูลจากหน่วยงาน

ดร.ฉัตรภูมิ วิรัตนจันทร์ – วิศวกรโยธา ได้กล่าวถึงอาคารในอีสานออกแบบรับแรงลมและแรงสั่นระดับต่ำได้ ตามมาตรฐานกรมโยธาฯ ตั้งแต่ปี 2564 แต่จังหวัดติด สปป.ลาว เช่น เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม ต้องออกแบบต้านแผ่นดินไหว ส่วนอีสานกลาง-ใต้ ยังเสี่ยงต่ำ

อาคารเก่าหรือก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานเสี่ยงที่สุด หากคุณภาพวัสดุหรือฝีมือช่างไม่ดี ลมแรงยังพังได้ เสนอแนะการออกแบบ เน้นฐานรากแข็งแรง รอยต่อดี ใช้วัสดุมาตรฐาน เช่น ปลอกเกลียวในเสา

อาจารย์ได้กล่าวถึงระบบเตือนภัย ว่าอีสานไม่จำเป็นต้องติดเซ็นเซอร์ทุกตึก แต่ควรมีศูนย์กลางเรียลไทม์ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน

บทสรุป

  • อีสานมีความเสี่ยงแผ่นดินไหวต่ำมาก โอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงแทบเป็นศูนย์ แต่รับผลกระทบจากรอยเลื่อนภายนอกได้เล็กน้อย ความรุนแรงสูงสุดที่คาดไม่เกิน 4-5 ตามมาตราเมอร์คัลลี โดยอีสานเหนืออาจรู้สึกมากกว่าส่วนอื่น

แต่ก็ควรเรียนรู้การรับมือ ฝึกหลบใต้โต๊ะหรือมุมแข็งแรง (สามเหลี่ยมปลอดภัย) และรีบออกจากอาคารเมื่อสงบ

แชร์บทความนี้