
ก่อนจะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ในวันที่ 11 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ภาคีองค์กรภาคพลเมืองร่วมกับมูลนิธิรักบ้านเกิด กลุ่มมานีมานะ หาดใหญ่เมืองสำหรับทุกคน สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สมาคมผู้บริโภคสงขลา มูลนิธิอาสาสร้างสุข สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ ไทยพีบีเอส ร่วมกันจัดเวทีและสร้างกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของคนหาดใหญ่ ทั้งที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นและผู้อาศัย ใช้ชีวิตในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ ถึงเรื่องเร่งด่วนหรือโจทย์ที่คนพื้นที่ต้องการอยากให้มีการจัดการ
กราฟนี้แสดงผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนอยากให้เทศบาลนครหาดใหญ่ดำเนินการจัดการ โดยนำเสนอข้อมูลจำแนกตามกลุ่มประชากรตัวอย่าง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ (แสดงด้วยแท่งกราฟสีชมพู) และกลุ่มผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงเยาวชน นักท่องเที่ยว และประชากรแฝงในพื้นที่หาดใหญ่ (แสดงด้วยแท่งกราฟสีเขียว) แกนตั้งด้านซ้ายแสดงจำนวนผู้ตอบในแต่ละกลุ่มสำหรับแต่ละประเด็น ในขณะที่แกนตั้งด้านขวาและเส้นกราฟแสดงจำนวนรวมทั้งหมดของผู้ตอบในแต่ละประเด็น ข้อมูลนี้รวบรวมจากการสำรวจในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2568
จากการพิจารณาภาพรวม (เส้นกราฟสีดำ) พบว่าประเด็นที่ประชาชนโดยรวมเห็นว่ามีความเร่งด่วนสูงสุดที่เทศบาลควรจัดการคือ การศึกษา ซึ่งมีจำนวนผู้เลือกสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญ รองลงมาคือประเด็นด้าน สาธารณสุข และ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ส่วนประเด็นที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุดจากประชากรโดยรวมคือเรื่อง สังคมสงเคราะห์ และ ศาสนา วัฒนธรรมและนันทนาการ
เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างสองกลุ่มประชากร พบทั้งความสอดคล้องและความแตกต่างในลำดับความสำคัญของประเด็นต่างๆ กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (สีชมพู) ให้ความสำคัญมากที่สุดกับ การศึกษา ตามมาด้วย สาธารณสุข และ สาธารณูปโภคและการก่อสร้าง ในทางตรงกันข้าม กลุ่มผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง (สีเขียว) แม้จะเห็นว่า การศึกษา เป็นประเด็นสำคัญอันดับหนึ่งเช่นกัน แต่ลำดับถัดมาเป็น สาธารณสุข และ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
ความสัมพันธ์ที่น่าสนใจคือ ทั้งสองกลุ่มต่างมองว่า การศึกษา และ สาธารณสุข เป็นสองประเด็นหลักที่มีความเร่งด่วนสูง แสดงให้เห็นถึงความต้องการร่วมกันในด้านคุณภาพชีวิตพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างปรากฏชัดในประเด็นอื่นๆ กลุ่มผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง (เยาวชน, นักท่องเที่ยว, ประชากรแฝง) ให้ความสำคัญกับ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และ อาชีพและการพาณิชย์ มากกว่ากลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตและโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในการอยู่อาศัยหรือท่องเที่ยว ในขณะที่กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้น้ำหนักกับ สาธารณูปโภคและการก่อสร้าง รวมถึง การรักษาความสงบเรียบร้อย มากกว่า อาจเกี่ยวข้องกับความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตประจำวันในฐานะผู้อยู่อาศัยถาวร/ระยะยาว
โดยสรุป แม้ว่าการศึกษาและสาธารณสุขจะเป็นความต้องการเร่งด่วนร่วมกันของประชากรทั้งสองกลุ่มในหาดใหญ่ แต่ก็มีความแตกต่างในลำดับความสำคัญของประเด็นอื่นๆ ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองและความต้องการที่หลากหลาย การทำความเข้าใจความสัมพันธ์และความแตกต่างเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเทศบาลในการวางแผนและจัดสรรทรัพยากรเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม
หาดใหญ่ใกล้ฉัน
ปัจจุบันเทศบาลนครหาดใหญ่ มีพื้นที่ 21 ตารางกิโลเมตร มีคนอาศัยอยู่ราวๆ 140,000 คน นับว่ามีประชากรหนาแน่น ติดอยู่ใน 4 อันดับของเทศบาลนครทั่วประเทศ (35 แห่ง ณ เดือนเมษายน 2568) แต่ละปีมีคนเดินทางเข้ามาอยู่หาดใหญ่ มาทำงานและเรียน ไม่ต่ำกว่าปีละ 200,000 คน ก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 1.5 ล้านคน และกว่า 80% เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย และสิงคโปร์
จากจุดเด่นในการเป็นเมืองด้านการค้าและลงทุนพบว่า ศูนย์การค้าขนาดใหญ่มากกว่า 10 กว่าแห่งจ.สงขลา มีธุรกิจโรงแรมที่มีมาตรฐานกว่า 30,000 ห้องพัก ติด 1 ใน 3 ของภาคใต้ นอกจากนั้นหาดใหญ่ยังเป็น ศูนย์การแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้ ที่มี โรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงเป็นเมืองที่มีสถานศึกษา, มหาวิทยาลัยและโรงเรียนสอนกวดวิชา จำนวนมากซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จากเมืองตั้งต้นการค้ามาจากคนไทยเชื้อสายจีน ทำให้หาดใหญ่ มีสมาคมการค้า 16 แห่ง รวมถึงมีวัดจีนและศาลเจ้า 12 แห่งและสมาคมไทย-จีน อีก 6 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเมือง และเกิดกลุ่มภาคประชาสังคม ที่เปิดพื้นที่เรียนรู้จุดประกายประเด็นสำคัญของเมืองหาดใหญ่
นโยบายการค้าและท่องเที่ยว ทำให้ภาพรวมเมืองหาดใหญ่กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจของภาคใต้และขยายตัวอย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเซีย
แต่ช่วงเกือบสิบกว่าปีที่ผ่านมา “หาดใหญ่” ก็เจอกับความท้าทายสำคัญๆ (อ้างอิงจากวงฟังเสียงประเทศไทย ก้าวต่อไปของเมืองหาดใหญ่)
- ช่วงพ.ศ. 2555 เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้และในพื้นที่จังหวัดสงขลา กระทบย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองหาดใหญ่ ทำให้การท่องเที่ยวเริ่มสะดุด ต้องใช้เวลาในการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
- ช่วงพ.ศ. 2559 นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยใช้ เทคโนโลยีที่ เปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของหาดใหญ่ เกิดช่องทางการค้าขายและธุรกิจออนไลน์ กระทบกับการค้าขายและลงทุนศูนย์กลางกิมหยง-สันติสุข นักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่เข้ามาก็ค่อยๆลดลง
- พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน การล็อคดาวน์เมือง ปิดด่านพรมแดน และปิดสนามบินในหลายประเทศในช่วงโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกและกระทบย่านเศรษฐกิจของหาดใหญ่ การเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงกว่าร้อยละ 18 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เกิดปรากฎการณ์คนรุ่นใหม่กลับบ้านจำนวนมาก การพัฒนาเมืองเริ่มเด่นชัดมากขึ้น และเกิดเยาวชนที่สนใจเรื่องเมือง เช่นกลุ่มริทัศน์หาดใหญ่ สภาเด็กเยาวชน