“ท้องถิ่น ในมือ  New Gen”

เราคงเคยได้ยินเรื่องของ คนรุ่นใหม่กลับบ้าน กันมาสักระยะ   ยิ่งช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ หรือช่วงหลังโควิต  กระแสท้องถิ่นนิยม หรือการกลับไปใช้ชีวิตนอกเมืองหลวง ถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้ง    

Locals ฉบับนี้   ไม่ได้มองว่า การที่ใครสักคนจะไม่ได้อยู่ในท้องถิ่นของตนเองจะเป็นปัญหา  เพียงแต่เมื่อเราจับชีพจรความเคลื่อนไหวใน “ท้องถิ่น” เราพบว่า การกลับบ้าน หรือการอยู่ในท้องถิ่นตนเองของคนรุ่นใหม่มีจำนวนไม่น้อย เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ   หลายคนไม่ได้ถูกบีบบังคับด้วยสถานการณ์ แต่พวกเขาเห็น “โอกาส”  “ภาคภูมิใจ” และ   “รู้สึกลึกซึ้ง” กับท้องถิ่นของตนเองอย่างแท้จริง  โดยค้นหา ลงมือ  ต่อยอดท้องถิ่น เชื่อมโยงเข้ากับยุคสมัย สังคม และโลกกว้าง   

การกลับมาของครามปัตตานี

ปลายเดือนเมษายน ที่ชั้น 2 ของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองปัตตานี     ผ้าย้อมครามลวดลายต่าง ๆ จากฝีมือของ สุพัตรา คำตั๋น กลุ่มวิสาหกิจพื้นบ้านมัดย้อม By ซายัง   นราวดี โลหะจินดา นักวิชาการฯ ม.อ.ปัตตานี และเอ็มโซเฟียน เบ็ญจเมธา ศิลปินเซรามิกมลายู ถูกจัดแสดงโดยฝีมือของอรรณพ เจ๊ะสุโหลง ผู้ผลิตสารคดีเรื่อง The return of Pattani Indigo

ภายในห้องสีดำ ตกแต่งด้วยไฟสตูดิโอ มีผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากครามปัตตานี ผ่านแนวคิดการออกแบบชิ้นงานให้เกิดเป็นลวดลายที่สร้างสรรค์ และคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของความเป็นมลายู อย่างกลุ่ม มัดย้อม by ซายัง ที่ใช้แม่พิมพ์ไม้โบราณถ่ายทอดลวดลายมลายู   หรือผ้าครามที่ใช้แม่พิมพ์จากไผ่ในพื้นที่บ้านเกิดของเอ็มโซเฟียน เบ็ญจเมธา

“แม่พิมพ์ลายที่เรานำมาใช้คือแม่พิมพ์จากไม้ไผ่ที่ได้จากคนในพื้นที่ และสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ด้วย ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เรากำลังคิดค้นนั้นคือนวัตกรรมควบคู่กับครามที่เรารื้อฟื้นกลับมา ได้เป็นอัตลักษณ์ที่เป็นงานของเรา การพิมพ์ผ้าที่แม่พิมพ์มาจากไม้ไผ่กับครามพื้นเมืองปัตตานีก็อยากที่จะถ่ายทอดความรู้นี้ต่อไป”

เอ็มโซเฟียน เบญจเมธา ศิลปินเซรามิกมลายู คือหนึ่งในคนที่ทำงานฟื้นฟูครามปัตตานี  หลังจากได้กลับมาบ้าน เริ่มทำงานกับชุมชนท้องถิ่น เริ่มสัมผัสถึงวิถีชีวิตความเป็นรากเหง้าของตนเอง ก็มีแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในพื้นที่ ในขณะเดียวกันก็หวังอนุรักษ์สิ่งที่เป็นวัฒนธรรมที่ดีงามในอดีตควบคู่กันไป

“เรารู้สึกอยากจะกลับมาพัฒนาสร้างมูลค่าของดินให้มีมูลค่ามากขึ้น ก็เลยเกิดเป็นงานเซรามิคในครั้งแรกเมื่อ13-14 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นเราก็เริ่มสัมผัสว่ามัน ไม่ใช่แค่งานเซรามิคที่จะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ ยังมีอีกหลาย ๆ วัตถุดิบ และทักษะเชิงช่างของคนในพื้นที่ก็มีมากมายทั้งงานหัตถกรรม เรารู้สึกว่าอันนี้แหละที่จะเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญ ที่เราเริ่มจะสนใจหลาย ๆ ศาสตร์ของงานหัตกรรม”

“หลังจากเราได้ร่วมงานกับ Pattani Decoded ที่จัดขึ้นโดย Melayu Living  ทำให้ผมได้รู้จัก อาจารย์นราวดี โลหะจินดา  อาจารย์ได้พูดถึงเรื่องครามว่าครามที่พบเป็นครามพื้นเมืองของปัตตานี อยู่กับเรามา 200-300 ปีมาแล้ว เคยมีคุณค่า เคยเป็นสินค้าที่ส่งออกของปัตตานี   เรารู้สึกว่าตื่นเต้นมากรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นจุดปักหมุดเมื่อปีที่ผ่านมา เราเริ่มสนใจศึกษาจนมาวันนี้เอาเมล็ดพันธุ์พื้นเมืองมาปลูกในแปลงบ้านเรา ทำเป็นฟาร์มในพื้นที่ที่เราจัดการได้ เริ่มนำมาใช้ ก่อหม้อครามโดยมีที่ปรึกษา คืออาจารย์ตุ๊กตา วาสนา แผลติตะ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ค่อยมาดูแลให้ความรู้เกี่ยวกับครามและการก่อหม้อคราม”

“แม่พิมพ์ลายที่เรานำมาใช้คือแม่พิมพ์จากไม้ไผ่ที่ได้จากคนในพื้นที่ และสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ด้วย ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เรากำลังคิดค้นนั้นคือนวัตกรรมควบคู่กับครามที่เรารื้อฟื้นกลับมา ได้เป็นอัตลักษณ์ที่เป็นงานของเรา การพิมพ์ผ้าที่แม่พิมพ์มาจากไม้ไผ่กับครามพื้นเมืองปัตตานีก็อยากที่จะถ่ายทอดความรู้นี้ต่อไป”

อ่านเพิ่มเติม  : ปลุกครามปัตตานี ด้วยงานวิจัยฯ และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทุนชุมชน 

อิหยังวะ TECH MEETUP เมื่อไทบ้านเปิดสอนทักษะดิจิทัล  

“เฮ็ดคัก ๆ เบิ่งดู้ การเรียนรู้ทักษะอนาคตที่เข้าถึงง่ายเนี่ยยยยย” ข้อความจาก กุลชาติ เค้นา ผู้ก่อตั้ง Farm Kits และเทคไทบ้าน เขาเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น และสานฝัน โดยนำเอาทักษะชนบทดิจิทัลที่สำคัญในโลกการสื่อสารไร้พรมแดน ทั้ง การถ่ายภาพด้วยมือถือ การสร้างเนื้อหา Content creator การเขียนเว็บไซต์เพื่อธุรกิจขนาดเล็ก และทักษะผู้ประกอบการท้องถิ่น มาเป็นบทเรียนสำหรับเยาวชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.สีชมพู และ อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น เพื่อยกระดับอัปสกิลแก่ไทบ้านอีสานปี 2024 แบบของแทร่

กุลชาติ เค้นา มีอาชีพหลักเป็น UX/UI Designer หรือ นักออกแบบเว็บไซต์ ที่หลายปีก่อนทำงานในเมืองใหญ่ก่อนเขาตัดสินใจกลับบ้านที่อำเภอภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ด้วยคำถามในใจบางอย่าง และมาเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น ผู้ก่อตั้ง Farm Kits และ เทคไทบ้าน ทำงานแบบ Digital Nomad หรือคนที่ทำงานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำงานจากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก

กุลชาติเล่าว่า การที่รวมศูนย์ทุกอย่างไว้ที่เมืองใหญ่ ทำให้โอกาสหลาย ๆ อย่างมาไม่ถึงต่างจังหวัด โดยเฉพาะในสายงานของเขาที่เป็นนักออกแบบเว็บไซต์ เป็นดีไซน์เนอร์ หรือคนทำงานด้านเทคโนโลยี จะเข้าถึงกิจกรรมหรือความรู้เหล่านี้ได้ต้องอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้น

“จุดเริ่มต้นของการทำเทคไทบ้าน จริง ๆ คือเราเป็นคนทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์มาก่อน แต่ก่อนที่เราจะกลับบ้านเรามีคำถามอยู่ว่า ทำไมการจัดกิจกรรม พวก TECH MEETUP กิจกรรมดี ๆ ที่เกี่ยวกับพวกโปรแกรมเมอร์ ดีไซน์เนอร์ ทำไมถึงมีจัดอยู่แค่ในเมืองใหญ่ ๆ เราก็เลยตั้งใมมาจัด TECH MEETUP จัดเสวนาต่าง ๆ เกี่ยวกับ โปรแกรมมิ่ง ดีไซน์เนอร์ อยู่ภูผาม่าน อยู่กลางทุ่งนา พาโอกาศเหล่านี้มาสู่ต่างจังหวัดบ้าง ให้ไทบ้านได้เข้าถึงได้เรียนรู้เทคโนโลยี ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเทคไทบ้าน”

กุลชาติ มองเห็นว่าในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะท้องถิ่นต่างจังหวัดไม่มีคนทำเรื่องการฝึกทักษะดิจิตอลให้กับคนในชุมชนเลย ไม่ว่าจะเป็นในระดับ ตำบล อำเภอ ก็ไม่มีใครผลักดันเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเด็กคนหนึ่งสนใจเรื่องทักษะด้านการออกแบบเว็บไซต์ เทคโนโลยี เขาก็ต้องไปเรียนพิเศษหรือไปตามแคมป์วิชาการของมหาวิทยาลัย ที่สอนเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ  ซึ่งจะเห็นว่าเป็นองค์ความรู้ที่เข้าถึงได้ยาก ฉะนั้นท้องถิ่นเองจะต้องมีจุดนี้ให้เด็กเยาวชนเข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะเริ่มจากคนบางกลุ่มแบบที่เขากำลังพยายามทำ
“หลักสูตรที่ผมกำลังทำอยู่ผมเรียกว่า  หลักสูตรทักษะชนบทดิจิตอล ซึ่งจะมีทั้งหลักสูตรการใช้ Canva ในการทำพรีเซนต์หรือสื่อต่าง ๆ ที่สอนโดยคนที่ทำงานใน Canva เลย หรือจะเป็นทักษะการถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือจากช่างภาพมืออาชีพ หรือทักษะการเป็น content creator จากศิลปิน นักร้อง หรือนักสร้างสรรค์ Content ที่เขาทำเรื่องนี้เป็น ถ่ายทำวิดีโอตัดต่อเป็น เล่าเรื่องแบบไหน ทักษะการทำหนังสั้น ทักษะการใช้ ai ทักษะการสร้างเว็บไซต์เพื่อธุรกิจขนาดเล็ก และสุดท้ายคือทักษะการเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งผมจะเป็นคนสอนเอง
ซึ่งเทคนิคไทบ้านจะมีหน้าที่หาคนมาให้ทุนการศึกษาสำหรับเด็ก ๆ ในพื้นที่ที่สนใจจะมาเรียน เทคไทบ้านจะทำ MOU ร่วมกับโรงเรียนว่า โรงเรียนจะต้องส่งเด็กมา up skill กับเทคไทบ้านทั้ง 12 เดือน เดือนละหนึ่งครั้ง และเปิดให้ชาวบ้านในพื้นที่ สีชมพู ภูผาม่าน เข้าเรียนรู้ได้ด้วยฟรี พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถเข้ามาฟังได้ฟรี มาดูว่าทักษะอนาคตนั้นมันเป็นแบบไหน ซึ่งมันทำให้เราพบว่ามีความเป็นไปได้ในการที่จะเชื่อมกับคนในชุมชนและ up skill ให้กับเด็กในพื้นที่จริง ๆ”

อ่านฉบับเต็ม อิหยังวะ “เทคไทบ้าน” ทักษะชนบทดิจิตอล เชื่อม Local to Global  แบบไร้รอยต่อ

แพร่ .. ก็แค่เอามันออกไป (สู่สายตาโลก)   

  “แพร่เป็นเมืองเล็กๆ ที่คนทั่วโลกอยากรู้จักผ่านสินค้า เพราะเขาเห็นของ เขาก็ถามว่า แพร่อยู่ตรงไหนบนแผนที่โลก แพร่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์  มีเรื่องราว มีอัตลักษณ์ท้องถิ่น  เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือ ทำให้สิ่งดี ๆ เหล่านี้เปล่งประกายยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ทั่วโลกที่ของของเราไปอยู่ เพื่อให้ผู้คนได้เห็นความสวยงามของมัน บางคนก็คิดว่าแพร่ควรจะมีแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเด่น ๆ สักที่ แต่เราคิดต่าง เราคิดว่าจังหวัดของเรามีเอกลักษณ์ทางภูมิปัญญาที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อยู่แล้ว และเรายังสามารถส่งต่อสิ่งเหล่านี้ไปหาผู้คนทั่วโลกได้อีกด้วย” 

นิว นันทนิจ บอยด์ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Natcharal  ซึ่งยกระดับผ้าหม้อห้อมสินค้าพื้นเมืองของเมืองแพร่ไปสู่เวทีแฟชั่นโชว์ในกรุงเทพ และเป็นสินค้าส่งออกได้สำเร็จ    รวมทั้งเป็น ผู้ร่วมก่อตั้งงาน “แพร่คราฟ์ท”  พื้นที่แสดงผลงานคราฟ์ของหนุ่มสาวนักออกแบบเมืองแพร่ ที่ริเริ่มและดำเนินการต่อเนื่องมาถึง 7 ปี  ปัจจุบันสมาชิกของแพร่คราฟ์ทมีบทบาทในการขับเคลื่อนเมืองแพร่ในมิติต่างๆมากขึ้น ไม่เพียงแค่ออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่พวกเราร่วมกันออกแบบเมือง

“เราเกิดและใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านทุ่งโฮ้ง เห็นผ้าห้อมพื้นเมืองเรียงรายตลอดแนวถนนเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้คิดว่ามีความโดดเด่นอะไร  วันหนึ่งเราอยากทำชุดที่ทำจากห้อมให้ลูก แต่เน้นย้อมแบบปลอดภัยตามธรรมชาติ เลยทำเองและเพิ่มดีไซน์ และพัฒนาต่อยอดเป็นแฟชั่น   ยกระดับจากสินค้าท้องถิ่นทำในรูปแบบที่ต่างออกไปจากเดิม ขายในตลาดใหม่ คนที่เห็นเรากล้าเปลี่ยนออกจากแบบเดิม เขาก็จะทำต่างไปจากเดิมในฉบับของเขาเหมือนกัน  เมื่อก่อนเราอาจจะมองว่าการทำผ้าห้อมของคนแพร่ ก็คือผลิตไว้รอนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อ แต่ที่จริงแล้วเราพาออกไปข้างนอกได้ซึ่งมากกว่าการที่นักท่องเที่ยวมาซื้อในพื้นที่ของเราอีก ปัจจุบัน แบรนด์ของผ้าห้อมที่ทำอยู่ วางอยู่ในช็อปประจำแล้ว ทั้งแคนาดา อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น”  

“เอามันออกไป”  สิ่งนี้เป็นเรื่องดี  คือการยกระดับ คือการกระจายรายได้ คือการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน  เพราะเชื่อมโยงกับช่างเย็บผ้า ชาวสวนห้อม และตลาดภายในประเทศและนอกประเทศ

  สิ่งหนึ่งที่ นิว ภูมิใจ คือ การปรากฏ เมืองแพร่ อยู่บนแผนที่ห้อมโลก หรือ  world indigo  เพราะรู้สึกว่าได้พาตัวเองออกไปสู่โลกภายนอกแล้ว “ตัวเอง”นี่หมายถึงเมืองแพร่ทั้งหมด  ไม่ใช่เพียงหม้อห้อม     และแพลทฟอร์มสำคัญที่ทำให้คนรู้จัดแพร่  คือ “แพร่คราฟท์”   ซึ่งไม่ใช่กิจกรรม  แต่เป็นช่องทางสำหรับการมาเจอกันของผู้ประกอบการรุ่นใหม่  ไม่ได้มีสินค้าเพียงแค่ห้อมเท่านั้น ยังมีอีกหลาย product  เช่นอาหาร ไม้ จักสาน  โดยใช้ความสามารถของที่สมาชิกมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นภาษา องค์กร หน่วยงานที่พอที่จะรู้จักแล้วพาสินค้าหรือโปรดักส์ของแต่ละคนออกไปสู่ตลาดภายนอกให้คนรู้จักและมีเครื่องมือที่จะร่วมกันพัฒนาเมืองตามที่ตนเองถนัด เพื่อให้ เมืองแพร่ เป็นเมืองแป้ ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน   

อ่านเพิ่มเติม : ห้อมแพร่…แพร่กระจาย เพียงแค่กล้า และลงมือ

ตามหาผ้าลายพื้นถิ่นระยอง กับฝ้าย  

หากให้นึกภาพผ้าพื้นเมืองของภาคตะวันออก แต่ละคนนึกออกไหมว่าเป็นยังไง?

นั่นคือข้อสงสัยของคนระยองอย่าง ฝ้าย – จิรพันธุ์ สัมภาวะผล ผู้สนใจเรื่องงานผ้ามาโดยตลอด และเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นคว้าหาประวัติศาสตร์ผ้าพื้นถิ่นระยอง จนถักทอให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งโดยชื่อเรียกลายผ้าพื้นเมืองของระยองก็คือ ‘ผ้าทอลายตากะหมุก’ ที่ส่วนใหญ่มีการทอผ้าใช้เองในครัวเรือน   โดยคำว่ากะหมุกในภาษาระยองที่คนเฒ่าคนแก่เรียกกันหมายถึง ภาชนะสานไม้ไผ่ทรงสี่เหลี่ยม

น่าเสียดายที่หลายร้อยปีผ่านไปผ้าทอลายพื้นถิ่นของจังหวัดระยองกลับสูญหายไปตามเวลา จนกระทั่ง ฝ้าย ชายผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์และความดีงามของศิลปะวัฒนธรรมไทยค้นพบผ้าทอลายพื้นถิ่นของระยองจากหน้าบันทึกและเขาตัดสินใจรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกครั้ง

ปัจจุบันฝ้ายได้ทำการจดวิสาหกิจชุมชนในลักษณะของศูนย์อนุรักษ์ผ้าพื้นถิ่นเพื่อส่งต่อองค์ความรู้ดึงเอาคนที่สนใจมาเข้าร่วม โดยฝ้ายบอกว่าวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนสามารถมองได้ในสองบริบท หนึ่งคือเรื่องของการอนุรักษ์ถือว่าเป็นการรักษาภูมิปัญญาเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ชุมชนมีเรื่องเล่าจากรุ่นสู่รุ่น สองก็คือเรื่องของการสร้างอาชีพเสริมให้คนในชุมชน แม้ว่าปัจจุบันคนเพอาจจะไม่ได้มีการทอผ้าแต่ฝ้ายก็ไปส่งเสริมในหลายกลุ่มที่มีต้นทุนการทอผ้าอยู่เดิมเช่น ชุมชนปลวกแดง ชุมชนบ้านฉาง ชุมชนเขาชะเมาผ่านการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา ก็คือหยิบเอาภูมิปัญญามาสร้างเป็นนวัตกรรม ชุดการเรียนรู้ทั้งหมดห้าเรื่อง คือ “ประวัติศาสตร์วิจักขณ์ รู้หลักเรื่องฝ้าย ย้อมเส้นด้ายให้เป็นสี จับกี่ทอผ้า ส่งต่อภูมิปัญญา”

อ่าน เรื่องราวและเส้นทางการตามหาผ้าลายพื้นที่ของระยอง ฉบับเต็ม โดย Epigram

4 คน  4 ความเคลื่อนไหว ที่ทำให้เราได้เห็นทั้งมุมมองต่อคุณค่าของท้องถิ่น และความตั้งใจของคนหนุ่มสาวร่วมสมัยผู้เป็นพลังสำคัญนำพาเรื่องราว และทุนอันหลากหลายของท้องถิ่นสู่โลกสมัยใหม่ด้วยหัวใจรักของพวกเขา



อ่านเรื่องประกอบ โจทย์นโยบาย สร้างโอกาสคนรุ่นใหม่ไปต่อ

แชร์บทความนี้