Public Intelligence
- 10 เรื่องเร่งด่วนคนเมืองจันทบุรี กับเรื่องสำคัญที่ต้องการให้ผู้นำท้องถิ่นแก้ไขจัดการระหว่างวันที่ 6 – 7 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มน้องๆ นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ร่วมกับ Epigram สื่อสาธารณะท้องถิ่นภาคตะวันออก และ Locals Thai PBS ทำกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นถึงเรื่องเร่งด่วนที่คนในพื้นที่อยากให้ ‘ว่าที่นายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล’ เพื่อรวบรวมปัญหาและความต้องการของคนในพื้นที่ นำเสนอเป็น “วาระภาคตะวันออก” ก่อนการเลือกตั้งเทศบาลที่กำลังจะมาถึง โดยกระบวนการมีทั้งการติดสติกเกอร์ในเรื่องเร่งด่วน การเขียนข้อความตั้งโจทย์ ชี้ประเด็นที่อยากให้แก้ไข รวมถึงเปิดฟังเสียงคนตะวันออก ทางออนไลน์เพื่อให้คนตะวันออกบอกกล่าวเรื่องที่อยากเห็นการแก้ไขหรืออยากเปลี่ยนในจังหวัดหรือในพื้นที่ของตน ทั้งนี้จากการประมวลสรุปผลการสำรวจพบ โจทย์ท้าทายคนพื้นที่และผู้นำท้องถิ่นดังนี้ ความมุ่งหวังของประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีต่อการพัฒนาท้องถิ่นในมิติต่างๆ ได้ถูกสะท้อนผ่านข้อมูลหลากหลายช่องทาง การสังเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้มองเห็นภาพรวมความต้องการที่ชัดเจน นำไปสู่การกำหนดทิศทางและนโยบายที่ตอบสนองได้อย่างตรงจุด โดยสามารถประมวลความต้องการหลักของประชาชนออกเป็นด้านต่างๆ ดังนี้ 1. การยกระดับสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาเมือง ความคาดหวังพื้นฐานของคนเทศบาลเมืองจันทุบรี คือการมีสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพและเพียงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อคุณภาพชีวิตประจำวันและการพัฒนาเศรษฐกิจ ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาอย่างต่อเนื่องคือการพัฒนา ถนนหนทางและการคมนาคมขนส่ง ให้สะดวกและปลอดภัย มีความต้องการปรับปรุงถนนที่ชำรุดในหลายพื้นที่ รวมถึงถนนสายรองในชุมชน เช่น ถนนในซอยหินรู ตำบลพวา อำเภอแก่งหางแมว ควบคู่ไปกับข้อเสนอในการสร้างสรรค์พื้นที่สาธารณะ เช่น การฟื้นฟู “ถนนคนเดินริมน้ำ” ซึ่งไม่เพียงแต่จะอำนวยความสะดวก แต่ยังส่งเสริมทัศนียภาพและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม มีเสียงสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับการซ่อมสร้างถนนที่ถี่บ่อยและอาจขาดการวางแผนที่ดี ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด ฝุ่นละออง และเกิดคำถามถึงความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ ปัญหาการจราจร… Read more: 10 เรื่องเร่งด่วนคนเมืองจันทบุรี กับเรื่องสำคัญที่ต้องการให้ผู้นำท้องถิ่นแก้ไขจัดการ
- วาระประชาชนคนระยอง เสียงถึงเทศบาลก่อนกากบาทเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดระยอง ไม่เพียงแต่เป็นหัวใจสำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรม แต่ยังคงเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวและขึ้นชื่อเรื่องผลไม้รสเลิศ ในขณะที่การเลือกตั้งเทศบาลใกล้เข้ามาทุกขณะ บรรยากาศทางการเมืองท้องถิ่นก็คึกคักเป็นพิเศษ ด้วยความคาดหวังถึงการพัฒนาเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และการบริหารจัดการงบประมาณจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความน่าจับตาของการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งจะกำหนดทิศทางของเทศบาลทั้ง 30 แห่งในจังหวัด (รวมถึงเทศบาลนครระยองและเทศบาลนครมาบตาพุด) เสียงของประชาชนคือสิ่งสำคัญที่สุด ทีมงาน Epigram สื่อสาธารณะท้องถิ่นภาคตะวันออก ร่วมกับเครือข่ายพลเมืองระยอง และพลังคนรุ่นใหม่ ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นโดยตรงจากชาวระยอง ว่าอะไรคือ “เรื่องเร่งด่วน” ที่พวกเขาอยากเห็น ‘ว่าที่นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล’ ชุดใหม่เข้ามาแก้ไข สะท้อนเสียงจาก 6 พื้นที่ สู่ “วาระประชาชน” กิจกรรมรับฟังความคิดเห็นกระจายตัวใน 6 จุดสำคัญทั่วเทศบาลนครระยอง ได้แก่ สวนศรีเมือง ตลาดแม่แดง ตลาดวัดลุ่ม ตลาดสตาร์ไนท์ ตลาดตู้มาร์เก็ต และตลาดวัดปากน้ำ โดยมีชาวระยองกว่า 200 คน ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ เข้ามาร่วมสะท้อนปัญหาและความต้องการผ่านการแปะสติกเกอร์แสดงความคิดเห็น ผลลัพธ์ที่ได้ เสมือนเป็น “วาระประชาชน” ที่ส่งตรงถึงผู้สมัครและเทศบาล โดยประเด็นที่ชาวระยองเห็นว่าเร่งด่วนที่สุด และต้องการให้แก้ไขทันที คือ เจาะลึกปัญหา จากภาพรวมสู่ความเดือดร้อนจริง… Read more: วาระประชาชนคนระยอง เสียงถึงเทศบาลก่อนกากบาทเลือกตั้งท้องถิ่น
- อ่านความต้องการประชาชนในเขตเทศบาลนคร ก่อนการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี 11 พ.ค.วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่จะถึงนี้กำลังจะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลและสมาชิกเทศบาลหลายระดับ หลายพื้นที่ในทุกภูมิภาค เป็นหน่วยการเลือกผู้แทนท้องถิ่น จากข้อมูลวันที่ 29 เม.ย. 2568 ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ปัจจุบันมีเทศบาลนครจำนวน 35 แห่ง เทศบาลเมืองจำนวน 221 และเทศบาลตำบลจำนวน 2,218 แห่ง รวมเป็น 2,474 แห่ง แต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 จะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสภาเทศบาลทั่วประเทศจำนวน 2,121 แห่ง และการเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกสภาเทศบาล 338 แห่ง เทศบาลเป็นหน่วยการปกครองที่มีอำนาจใหญ่กว่าอบต. แต่เล็กกว่าอบจ. แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามจำนวนประชากรและรายได้ของเทศบาลนั้น ได้แก่ เทศบาลตำบล (ทต.) เทศบาลเมือง (ทม.) ท้องถิ่นที่มีประชากรตั้งแต่ 10,000 คนขึ้นไปและมีรายได้พอควรที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ท้องถิ่นที่มีประชากรตั้งแต่ 50,000 คนขึ้นไปและมีรายได้พอควรที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลนคร หน้าที่เทศบาลตาม พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. 2496 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2543) กำหนดหน้าที่เทศบาลตามขนาดและความซับซ้อนของเมือง ยิ่งเมืองใหญ่ขึ้น ภาระความรับผิดชอบยิ่งเพิ่มขึ้นและซับซ้อนกว่าเดิม นอกจากหน้าที่ของเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาลแล้ว ในพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ยังกำหนดหน้าที่ของเทศบาลไว้ด้วยเช่นกัน ให้มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองดังนี้ อำนาจหน้าที่ของเทศบาลตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542แสดงภารกิจหน้าที่ของเทศบาลตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542(1) การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง(2) การจัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ(3) การจัดให้มีและควบคุมตลาด ท่าเทียบเรือ ท่าข้าม และที่จอดรถ(4) การสาธาณูปโภคและการก่อสร้างอื่น ๆ(5) การสาธารณูปการ(6) การส่งเสริม การฝึก และประกอบอาชีพ(7) การพาณิชย์ และส่งเสริมการลงทุน(8) การส่งเสริมการท่องเที่ยว(9) การจัดการศึกษา(10) การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส(11) การบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น… Read more: อ่านความต้องการประชาชนในเขตเทศบาลนคร ก่อนการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี 11 พ.ค.
- วาระหาดใหญ่ เรื่องเร่งด่วนของผู้คนที่ใช้ชีวิตในเทศบาลนครก่อนจะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ในวันที่ 11 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ภาคีองค์กรภาคพลเมืองร่วมกับมูลนิธิรักบ้านเกิด กลุ่มมานีมานะ หาดใหญ่เมืองสำหรับทุกคน สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สมาคมผู้บริโภคสงขลา มูลนิธิอาสาสร้างสุข สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ ไทยพีบีเอส ร่วมกันจัดเวทีและสร้างกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของคนหาดใหญ่ ทั้งที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นและผู้อาศัย ใช้ชีวิตในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ ถึงเรื่องเร่งด่วนหรือโจทย์ที่คนพื้นที่ต้องการอยากให้มีการจัดการ กราฟนี้แสดงผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนอยากให้เทศบาลนครหาดใหญ่ดำเนินการจัดการ โดยนำเสนอข้อมูลจำแนกตามกลุ่มประชากรตัวอย่าง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ (แสดงด้วยแท่งกราฟสีชมพู) และกลุ่มผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงเยาวชน นักท่องเที่ยว และประชากรแฝงในพื้นที่หาดใหญ่ (แสดงด้วยแท่งกราฟสีเขียว) แกนตั้งด้านซ้ายแสดงจำนวนผู้ตอบในแต่ละกลุ่มสำหรับแต่ละประเด็น ในขณะที่แกนตั้งด้านขวาและเส้นกราฟแสดงจำนวนรวมทั้งหมดของผู้ตอบในแต่ละประเด็น ข้อมูลนี้รวบรวมจากการสำรวจในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 จากการพิจารณาภาพรวม (เส้นกราฟสีดำ) พบว่าประเด็นที่ประชาชนโดยรวมเห็นว่ามีความเร่งด่วนสูงสุดที่เทศบาลควรจัดการคือ การศึกษา ซึ่งมีจำนวนผู้เลือกสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญ รองลงมาคือประเด็นด้าน สาธารณสุข และ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ส่วนประเด็นที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุดจากประชากรโดยรวมคือเรื่อง สังคมสงเคราะห์ และ ศาสนา วัฒนธรรมและนันทนาการ เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างสองกลุ่มประชากร พบทั้งความสอดคล้องและความแตกต่างในลำดับความสำคัญของประเด็นต่างๆ กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (สีชมพู) ให้ความสำคัญมากที่สุดกับ การศึกษา ตามมาด้วย สาธารณสุข และ สาธารณูปโภคและการก่อสร้าง ในทางตรงกันข้าม กลุ่มผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง (สีเขียว) แม้จะเห็นว่า การศึกษา เป็นประเด็นสำคัญอันดับหนึ่งเช่นกัน แต่ลำดับถัดมาเป็น สาธารณสุข และ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ที่น่าสนใจคือ ทั้งสองกลุ่มต่างมองว่า การศึกษา และ สาธารณสุข เป็นสองประเด็นหลักที่มีความเร่งด่วนสูง แสดงให้เห็นถึงความต้องการร่วมกันในด้านคุณภาพชีวิตพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างปรากฏชัดในประเด็นอื่นๆ… Read more: วาระหาดใหญ่ เรื่องเร่งด่วนของผู้คนที่ใช้ชีวิตในเทศบาลนคร
- วาระเร่งด่วนที่คนเทศบาลนครขอนแก่นต้องการให้ผู้บริหารท้องถิ่นจัดการรายงานฉบับนี้สังเคราะห์ข้อมูลจากสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่เกี่ยวข้องและใช้ชีวิตในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และเก็บรวบรวมจากการรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ ระหว่างวันที่ 17-22 เมษายน 2568 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น สำนักข่าว ศูนย์ภูมิภาคขอนแก่น และสำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ ไทยพีบีเอส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกลั่นกรองประเด็นปัญหาและความต้องการเร่งด่วนที่สุดของประชาชนชาวขอนแก่น เสนอต่อว่าที่นายกเทศมนตรี ทีมบริหาร และสาธารณะ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดลำดับความสำคัญและผลักดันการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ถนนการจราจร ปัญหาสิ่งแวดล้อม ขนส่งสาธารณะ 3 เรื่องสำคัญที่ผู้นำท้องถิ่นต้องตอบคนนครขอนแก่น จากการสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด สามารถสรุปเป็นลำดับความสำคัญเร่งด่วนที่ว่าที่นายกเทศมนตรีและทีมบริหารควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ ประกอบด้วย จากการสังเคราะห์ข้อมูลโดยทีมโครงการห้องทดลองปัญญารวมหมู่ พบว่าประเด็นที่ประชาชนชาวขอนแก่นให้ความสำคัญและต้องการให้เกิดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน มีรายละเอียดดังนี้ โครงสร้างพื้นฐาน “ถนนและการจราจร” ปัญหาตลอดกาลที่ต้องเร่งแก้ไข ทั้งผลสำรวจเชิงปริมาณ และเสียงสะท้อนเชิงคุณภาพ ยืนยันตรงกันว่านี่คือความเดือดร้อนอันดับต้นๆ โดยประชาชนไม่ได้มองแค่ภาพรวม แต่ระบุปัญหาชัดเจน สภาพโครงข่ายถนน ข้อเรียกร้องเหล่านี้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงที่มีการดำเนินโครงการซ่อมแซมถนนสายหลักด้วยงบประมาณเกือบ 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานประสบปัญหาความล่าช้าอันเนื่องมาจากมีรถยนต์จอดกีดขวางพื้นที่ทำงาน ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารจัดการโครงการและการประสานงานกับสาธารณะ ขณะเดียวกัน มีแผนการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ทางแยกจุดตัดเมืองเก่า เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในระยะยาว แสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงปัญหาในระดับยุทธศาสตร์ แต่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที สภาพถนนที่ไม่ได้มาตรฐานส่งผลกระทบโดยตรงต่อระยะเวลาเดินทาง ค่าซ่อมบำรุงยานพาหนะ และความปลอดภัยในการสัญจร ข้อเรียกร้องให้ “ตีเส้นจราจร” บ่งชี้ถึงปัญหาการขาดการบำรุงรักษาขั้นพื้นฐาน… Read more: วาระเร่งด่วนที่คนเทศบาลนครขอนแก่นต้องการให้ผู้บริหารท้องถิ่นจัดการ
- “จ่ายประกันสังคมทุกเดือน แต่ไม่รู้ทำอะไรได้บ้าง” รู้จักสิทธิประกันสังคม จะดีกว่านี้ได้ถ้า…“สิทธิประกันสังคม” เป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงมาโดยตลอด ถึงเรื่องการจัดสรรงบประมาณของกองทุน สิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับของผู้ประกันตนในแต่ละมาตรา ไม่ว่าจะเป็นการเบิกค่ารักษาสุขภาพ เงินบำนาญในวัยเกษียณ เงินค่าคลอดบุตร และสวัสดิการด้านอื่นๆ ขณะนี้กองทุนมีสมาชิกกว่า 24 ล้านคน ที่จ่ายเงินเข้าระบบในทุกๆ ปี ทั้งมาตรา 33, 38 และ 40 นอกจากค่ารักษาพยาบาลกับเงินบำนาญแล้วนั้น ผู้ประกันตนรู้หรือไม่ว่ายังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกที่สามารถใช้ได้ ทีมงานห้องทดลองปัญญารวมหมู่ สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ พัฒนาแบบสำรวจ “จ่ายประกันสังคมทุกเดือน แต่ไม่รู้ทำอะไรได้บ้าง” ลองรู้จักสิทธิประกันสังคมที่ผู้ประกันตนได้รับมีอะไรบ้าง และร่วมออกแบบและระบบประกันสังคมที่ควรจะเป็นนั้นมีหน้าตาแบบไหน 4 ขั้นตอนง่ายๆ ไม่กี่นาที แพลตฟอร์มนี้พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแบบสำรวจภาพรวมการใช้สิทธิของผู้ประกันแต่ละมาตราใช้ไปกับด้านไหน โดยมีส่วนของข้อมูลประเภทของผู้ประกันสังคมแต่ละมาตรา รวมถึงสิทธิประโยชน์ในแต่ละด้านให้ได้อ่านร่วมกัน และสุดท้ายส่วนสำคัญที่สุดคือทุกคนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ หรือเขียนข้อเสนอในการปรับปรุงระบบประกันสังคมให้ดีกว่าเดิม วิธีการใช้มีเพียง 4 ขั้นตอน คือ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฐานข้อมูลเพื่อนำไปแก้ไข ปรับปรุง ระบบประกันสังคมที่มีอยู่ของเราให้ดีกว่าเดิม ได้ข้างล่างนี้ ข้อควรทราบ เป็นการสำรวจเบื้องต้น เราให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ไม่มีการเก็บและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ข้อมูลที่เก็บจะใช้เพื่อวิเคราะห์ภาพรวมเท่านั้น
- ทำความเข้าใจ 3 สถานการณ์แผ่นดินไหว ที่อาจเขย่าตึกสูงในกรุงเทพ-ปริมณฑลในอนาคตเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2568 สกสว. จัดวงเสวนา “ก้าวข้ามธรณีพิโรธ: นวัตกรรม ววน. พลิกเกมภัยแผ่นดินไหว เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของไทย” บางห้วนบางตอน ทีมห้องทดลองปัญญารวมหมู่ถอดเนื้อหา สรุปประเด็นเพื่อร่วมสร้างการเรียนรู้และจัดการสาธารณภัย การรับมือภัยพิบัติร่วมกันในอนาคต ศ.ดร. เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้ข้อมูลว่า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีรอยเลื่อนอยู่เป็นจำนวนมาก (ตามภาพด้านล่าง) แต่รอยเลื่อนที่เป็นอันตราย คือ รอยเลื่อนสีแดง ที่เด่นที่สุดก็คือรอยเลื่อนสะกาย รอยเลื่อนสีเขียวจะอันตรายรองลงมา ตามด้วยรอยเลื่อนสีเทา สำหรับรอยเลื่อนในประเทศไทยเป็นรอยเลื่อนสีเทาค่อนข้างเยอะ และไม่มีรอยเลื่อนหรือแหล่งกำเนิดใกล้กรุงเทพฯ แต่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นไกล ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ได้ทำการศึกษาประเมินสถานการณ์ที่เป็นอันตราย เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ก็เป็น 1 ใน 3 สถานการณ์หลักอันตราย พูดไปตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ โดยทั่วไปเมื่อเกิดแผ่นดินไหวบริเวณใกล้ ๆ แนวรอยเลื่อน จะมีการสั่นสะเทือนรุนแรงมาก ดังที่ปรากฏรายงานข่าวในพม่า พบอาคารบ้านเรือนเสียหาย ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนจุดที่ห่างออกมา ความรุนแรงก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งห่างยิ่งเบา แต่แล้วทำไมมาแรงใหม่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็คือแผ่นดินอ่อนของกรุงเทพฯ จากแผนที่แสดงสภาพดินในประเทศไทย (สีเขียว ดินแข็ง สีเหลืองก็อ่อนลงมาหน่อย สีแดงก็อ่อนมาก)… Read more: ทำความเข้าใจ 3 สถานการณ์แผ่นดินไหว ที่อาจเขย่าตึกสูงในกรุงเทพ-ปริมณฑลในอนาคต
- บ้านร้าวหลังแผ่นดินไหว ยังปลอดภัยอยู่ไหมไหม ? ประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นด้วย CrackSafeเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13:20 น. และอาฟเตอร์ช็อกที่ตามมาหลายครั้ง ได้สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาพความเสียหายของอาคารต่างๆ ที่ปรากฏ ยิ่งสร้างความกังวลใจให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก คำถามสำคัญที่อยู่ในใจหลายคนคือ “บ้านเรือน ที่พักอาศัย คอนโด ห้องเช่าของเรามีรอยร้าวแบบนี้ จะยังปลอดภัยไหม?” เพื่อช่วยคลายความกังวลเบื้องต้น และเพื่อให้เห็นภาพรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมงานห้องทดลองปัญญารวมหมู่ สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ จึงเร่งพัฒนาระบบ “CrackSafe” ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือให้ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงของโครงสร้างบ้านหรืออาคารที่ตนอยู่อาศัยได้ด้วยตนเอง CrackSafe คืออะไร? CrackSafe คือ เว็บแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นอย่างเร่งด่วน (ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงเที่ยงคืนของวันเกิดเหตุ) โดยอ้างอิงหลักเกณฑ์เบื้องต้นจาก “คู่มือการสำรวจความเสียหายขั้นต้นของโครงสร้างอาคารหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว” ของกรมโยธาธิการและผังเมือง (พ.ศ. 2560) เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ผ่านทางเว็บไซต์ ใช้งานง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน ข้อมูลของคุณสำคัญอย่างไร? ข้อมูลความเสียหายที่กรอกเข้ามา (ซึ่งจะไม่ระบุตัวตน) นอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้งานประเมินสถานการณ์เบื้องต้นของบ้านตัวเองได้แล้ว ข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมและส่งต่อไปยัง ทีมวิศวกรอาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการ การสละเวลาให้ข้อมูลของทุกท่าน คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามวิกฤต เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับชุมชนของเรา ข้อควรทราบ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความปลอดภัย หากบ้านหรืออาคารของท่านหรือคนใกล้ชิดได้รับผลกระทบ หรือพบเห็นรอยร้าวที่น่าสงสัย ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาใช้ระบบ CrackSafe… Read more: บ้านร้าวหลังแผ่นดินไหว ยังปลอดภัยอยู่ไหมไหม ? ประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นด้วย CrackSafe
- เสียงคนนครพิษณุโลก พัฒนาเมืองแบบไหน? ให้ตอบโจทย์ประชาชนระหว่างวันที่ 24 – 25 มี.ค. 2568 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเทศบาลนครพิษณุโลกในวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค. ที่จะถึงนี้ Locals Voice ฟังเสียงประเทศไทย ฟังเสียงคนท้องถิ่น โดยทีมองศาเหนือและทีมห้องทดลองปัญญารวมหมู่ สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ ไทยพีบีเอส ออกเดินทางมายังนครพิษณุโลก ออกมาจัดกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ ร่วมกับนิสิตสาขารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สำรวจความต้องการ และโจทย์การพัฒนาเร่งด่วนที่ตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ ณ สวนริมน่าน และตลาดใต้ ซึ่งประมวลผลจากกลุ่มตัวอย่างที่ร่วมกิจกรรมได้ผลที่น่าสนใจ ดังนี้ ความต้องการพื้นฐานที่สำคัญที่สุด น้ำประปาและโครงสร้างพื้นฐาน จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าประชาชนในเทศบาลนครพิษณุโลกให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสาธารณูปโภคและการก่อสร้างมากที่สุด (18.35%) โดยเฉพาะประเด็นเรื่องน้ำประปา ประชาชนต้องการน้ำประปาที่ “ไหลแรง” “สะอาด” “มีมาตรฐานสากล” และ “ไม่ขาดตอน” สะท้อนให้เห็นว่าการเข้าถึงน้ำสะอาดยังเป็นปัญหาพื้นฐานที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ประชาชนยังให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบสายไฟ (“เสาไฟไร้สาย” “ถนนไร้สาย”) ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสวยงามให้เมืองแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนอีกด้วย ความต้องการให้มี “ไฟเขียวไฟแดงทุกแยกมีเวลานับถอยหลัง” แสดงให้เห็นถึงความต้องการระบบจราจรที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มความปลอดภัยในการสัญจร การขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการค้าและตลาด ด้านอาชีพและการพาณิชย์ได้รับความสำคัญเป็นอันดับสอง (16.22%) โดยมีประเด็นสำคัญคือการปรับปรุงตลาดสดให้… Read more: เสียงคนนครพิษณุโลก พัฒนาเมืองแบบไหน? ให้ตอบโจทย์ประชาชน
- พลิกโฉม 18 เมือง สู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ด้วยพลังของงานวิจัยและนวัตกรรมจากความร่วมมือของ บพท. สมาคมเทศบาลนครและเมือง และโครงการ CIAPการออกแบบนโยบาย ปฏิบัติการ และการบริหารระดับท้องถิ่น คือตัวชี้วัดความเจริญของเมืองต่างๆ ที่เห็นได้เด่นชัด และสัมผัสรู้ได้ในทันที ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่เทศบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงเป็นดั่งหัวใจและกลไกการพัฒนาเมืองที่สำคัญ หากสามารถขับเคลื่อนด้วยข้อมูล องค์ความรู้ และการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ท้องถิ่นนั้นๆ ก็จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนในเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญ ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่าน หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สมาคมเทศบาลนครและเมือง ร่วมกับเทศบาล 18 เทศบาลนำร่อง ได้ร่วมดำเนินการ โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) โดยมี มหาวิทยาลัยสารคาม และเครือข่ายมหาวิทยาลัยเป็นผู้รับทุน 18 เมืองที่ได้นำงานวิจัยและนวัตกรรมพัฒนาเมืองเข้าไปร่วมขับเคลื่อนดำเนินการพัฒนาตอบโจทย์ท้องถิ่น ได้แก่ 1.เทศบาลเมืองแม่เหียะ, จ.เชียงใหม่, 2.เทศบาลนครเชียงราย, จ.เชียงราย 3.เทศบาลนครลำปาง, จ.ลำปาง, 4.เทศบาลเมืองลำพูน, จ.ลำพูน, 5.เทศบาลเมืองแพร่, จ.แพร่, 6.เทศบาลนครพิษณุโลก, จ.พิษณุโลก, 7.เทศบาลนครนครสวรรค์, จ.นครสวรรค์, 8.เทศบาลนครนนทบุรี, จ.นนทบุรี, 9.เทศบาลนครปากเกร็ด, จ.นนทบุรี, 10.เทศบาลนครสกลนคร, จ.สกลนคร, 11.เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์,… Read more: พลิกโฉม 18 เมือง สู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ด้วยพลังของงานวิจัยและนวัตกรรมจากความร่วมมือของ บพท. สมาคมเทศบาลนครและเมือง และโครงการ CIAP
- รายงานการวิเคราะห์ความต้องการของประชาชนจังหวัดนครราชสีมาจากการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา (โคราช) ที่มีการตอบผ่าน My CEO บ้านฉันเอาแบบนี้ พบว่าประเด็นความต้องการหลักเน้นที่การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับคุณภาพชีวิต โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ประเด็นความต้องการหลัก 1. การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง (35% ของความคิดเห็นทั้งหมด) ระบบขนส่งสาธารณะ การจัดการจราจร 2. โครงสร้างพื้นฐาน (28% ของความคิดเห็นทั้งหมด) ถนนและการสัญจร ระบบสาธารณูปโภค 3. การพัฒนาคุณภาพชีวิต (20% ของความคิดเห็นทั้งหมด) เศรษฐกิจและรายได้ สิ่งแวดล้อมและพื้นที่สาธารณะ แนวทางการพัฒนา ระยะสั้น (1-2 ปี) การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเร่งด่วน การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ระยะกลาง (3-5 ปี) การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน การพัฒนาพื้นที่สาธารณะ ระยะยาว (5-10 ปี) การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ การพัฒนาอย่างยั่งยืน การพัฒนาจังหวัดนครราชสีมาควรมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานเป็นลำดับแรก ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกำหนดอนาคตการพัฒนาของทุกคนได้ โดยเข้าผ่านแคมเปญ My CEO บ้านฉันเอาแบบนี้ โดยพิมพ์การพัฒนาที่คุณอยากเห็น… Read more: รายงานการวิเคราะห์ความต้องการของประชาชนจังหวัดนครราชสีมา
- บ้านฉันเอาแบบนี้ พัทลุงเอาแบบไหนอีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้งอบจ. ในหลายจังหวัด เช่นเดียวกับพัทลุง เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 68 ณ ห้องประชุมป่าพะยอม ชั้น 2 หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง มีเวที “แหลงให้เทือน การเมืองใต้ : เลือกตั้ง อบจ.พัทลุง 68” DEBATE ประชันวิสัยทัศน์ ของผู้สมัครนายก อบจ.พัทลุง ประกอบด้วย สามารถรับชมย้อนหลังได้ นอกจากการดีเบตของผู้สมัครแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านแคมเปญ My CEO บ้านฉันเอาแบบนี้ และร่วมจัดลำดับเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่อยากให้ผู้นำท้องถิ่นออกแบบและจัดการร่วมกับคนในพื้นที่ เพื่อร่วมกำหนดทิศทางและโจทย์การพัฒนาที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ ปรากฏเป็น word cloud (ข้อความสำคัญ) ดังนี้ จากกิจกรรมที่ชาวพัทลุงจำนวนมากได้ร่วมระบุเรื่องสำคัญ ทีมงานได้ประมวลข้อมูลจากทั้งบอร์ดกิจกรรมและข้อความที่ตอบเข้ามาใน My CEO พบข้อค้นพบที่น่าสนใจดังนี้ ปากท้องและความโปร่งใส : สองปัจจัยหลักสู่การพัฒนา เสียงที่ดังที่สุดจากชาวพัทลุงคือเรื่องเศรษฐกิจและความโปร่งใส เราได้ยินเสียงเรียกร้องเรื่อง “การพัฒนาระบบเศรษฐกิจ” และ “เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน” อย่างต่อเนื่อง บางความเห็นพูดถึงปัญหาปากท้องที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน พร้อมข้อเสนอในการพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น… Read more: บ้านฉันเอาแบบนี้ พัทลุงเอาแบบไหน
- 8 ชุดคำถาม เพื่อร่วมสังเกต-รายงานอากาศบ้านเราสำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยชวนทุกท่านถ่ายภาพ-บันทึก บอกเล่าเรื่องราว ของอากาศที่เราหายใจ ผ่านท้องฟ้าในพื้นที่ที่คุณอยู่ เพื่อร่วมกันสะท้อนสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ของเมืองไทยในปี พ.ศ. 2568 ผ่าน 8 ชุดคำถาม กับทาง C-SITE Thai PBS เพียงสแกน QR Code ในรูปด้านล่างนี้ หรือเข้าไปที่ที่เว็บไซต์ https://www.csitereport.com/dashboard หรือ โพสต์ในFacebook พร้อมติดแฮชเเท็ก #บ้านฉันบ้านเธอ#ภาพบอกเล่าPM25#ฟ้าใสไร้ฝุ่น
- เสียงชาวปัตตานี อะไรคือสิ่งที่บ้านเราต้องการ?ช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวปัตตานีหลายคนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงสิ่งที่อยากเห็นในบ้านเกิดของเรา ทั้งผ่านการแสดงความเห็นผ่าน My CEO บ้านฉันเอาแบบนี้ และการระดมจัดลำดับเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่อยากให้ผู้นำท้องถิ่นออกแบบและจัดการร่วมกับคนที่นั่น และนี่คือเสียงเราที่อยากบอกว่า ต้องการอะไรและอยากเห็นปัตตานีเป็นแบบไหน จากบอร์ดกิจกรรมที่คนปัตตานีจำนวนมากได้ร่วมระบุเรื่องสำคัญ ได้ผลออกมาดังกราฟต่อไปนี้ เมื่อทีมงานประมวลข้อมูลจากบอร์ดกิจกรรม ที่ได้จากเวที แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของผู้สมัครนายก อบจ.ปัตตานี ในหัวข้อ “อนาคตปัตตานีที่ใฝ่ฝัน” เวทีสภานักศึกษา ม.อ.ปัตตานี & คณะรัฐศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี เสวนาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ หัวข้อ อนาคตปัตตานีที่ใฝ่ฝัน ร่วมฟังแนวคิดและแผนพัฒนาที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับจังหวัดปัตตานีของเรา ณ หอประชุม ม.อ.ปัตตานี ชูเกียรติ ปิติเจริญกิจ(สนอ.เก่า) เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา วิเคราะห์ประมวลผลร่วมกับข้อความที่มีการตอบเข้ามาในกิจกรรม My CEO สามารถประมวลผลและพบข้อค้นพบสำคัญ ดังต่อไปนี้ ก้าวไปด้วยกัน การศึกษาและเศรษฐกิจ เรื่องที่ให้ความสำคัญมากที่สุดสองอันดับแรก คือการศึกษาและเศรษฐกิจ (อย่างละ 30.4%) และนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะสองเรื่องนี้เกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก หลายคนอยากเห็น “ระบบการศึกษาที่ก้าวหน้าเท่าเทียม ไม่มีนักเรียนหลุดจากระบบ” บางคนพูดถึง “การศึกษาที่ดี” บางคนเชื่อมโยงว่า… Read more: เสียงชาวปัตตานี อะไรคือสิ่งที่บ้านเราต้องการ?
- บ้านฉันเอาแบบนี้ อ่านความต้องการ โจทย์พัฒนาท้องถิ่นกว่า 3 สัปดาห์ที่ Locals และ PI ห้องทดลองปัญญารวมหมู่ ชวนคนท้องถิ่นทั่วประเทศ ช่วยบอกความต้องการพัฒนาผ่านการทบทวนมองย้อนการใช้งบประมาณของท้องถิ่น โดยเฉพาะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งกำลังจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. (ทำหน้าที่บริหาร) และส. อบจ. (พิจารณาข้อบัญญัติของอบจ. ผ่านงบประมาณ) ทั้งนี้มีการร่วมตอบกว่า 500 รายการ (ประมวลผล 24 ม.ค.2568) และสามารถวิเคราะห์ผลจัดกลุ่มความต้องการและแยกตามภูมิภาคได้ดังนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถอ่านงบประมาณของแต่ละจังหวัด ข้อมูลเชิงลึก งบประมาณต่อรายหัวประชากร หมวดหมู่งบประมาณที่จังหวัดนั้นๆ ใช้มากที่สุด และเติมความต้องการของทุกคนได้ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคอีสาน ภาคกลาง ร่วมบอกความต้องการ โจทย์ที่อยากให้บ้านฉันเป็นแบบนี้ได้ สำหรับคนที่สนใจภาพรวมของคนท้องถิ่นทั้งประเทศสามารถดูได้จากแบนเนอร์ด้านล่างนี้ (ข้อมูล สรุปผล ณ วันที่ 21 มกราคม 2568) *หมายเหตุ ชุดภาพนี้ (สรุปคำตอบเมื่อวันที่ 21 ม.ค.)
- สังคมสูงวัย แรงงานข้ามชาติ ความท้าทายของศตวรรษที่ 21 ที่ยากจะแยกออกจากกันประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพึ่งพาแรงงานข้ามชาติที่เพิ่มมากขึ้น จากการสัมมนาสาธารณะเนื่องในวันผู้อพยพย้ายถิ่นฐานสากลปี 2567 ที่จัดขึ้นโดย สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศ.เกียรติคุณ ดร.อภิชาติ จำรัสฤทธิรงค์ ได้นำเสนอสิ่งที่เรียกว่าเป็นทางเลือกเชิงนโยบาย ซึ่งอาจจะช่วยให้ประเทศสามารถฝ่าวิกฤติเรื่องสังคมผู้สูงอายุได้ และอาจทำให้เราต้องทบทวนและปรับมุมมองใหม่ต่อประเด็นเรื่องแรงงานข้ามชาติ อนาคตประชากรไทย จะมองไปทางไหนก็มีแต่คำถาม? ศ.เกียรติคุณ ดร.อภิชาติ จำรัสฤทธิรงค์ เริ่มต้นวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสังคมผู้สูงอายุ แรงงานข้ามชาติ และผลกระทบต่ออนาคตของประเทศไทย โดยอธิบายสถานการณ์สังคมสูงวัยในประเทศไทย ผ่านการอ้างอิงข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นซึ่งเผยแพร่เมื่อปี ค.ศ.2019 ทางยูเอ็นได้ทำการคาดการณ์สถานการณ์ประชากรของประเทศต่างๆ โดยระบุว่าประเทศไทยจะสูญเสียประชากรถึง 1 ใน 3 หรือก็คือจะมีประชากรลดลงถึง 34.1% เมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 21 ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองเพียงประเทศญี่ปุ่นที่คาดการณ์ว่าจะมีประชากรลดงถึง 41% ตัวเลขดังกล่าวอาจดูน่าหวาดหวั่น แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงแค่ปฐมบทเท่านั้น ศ.เกียรติคุณ ดร.อภิชาติ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในปี ค.ศ.2020 ทางThe Lancet ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ทั่วไปรายสัปดาห์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งเก่าแก่ที่สุดและได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก ได้คาดการณ์ว่าเมื่อถึงปี ค.ศ.2100 ประเทศไทยจะมีจำนวนประชากรลดลงมากกว่า 50%… Read more: สังคมสูงวัย แรงงานข้ามชาติ ความท้าทายของศตวรรษที่ 21 ที่ยากจะแยกออกจากกัน
- แนวนโยบาย (ฉบับย่อ) เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านคอร์รัปชันของประเทศไทยปัญหาการขาดธรรมาภิบาลและคอร์รัปชันในสังคมไทยเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกและส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะในหน่วยงานภาครัฐที่มักพบการใช้อำนาจโดยมิชอบ การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การรับสินบน การฮั้วประมูล หรือการยักยอกงบประมาณ นอกจากนี้ ระบบอุปถัมภ์ที่ฝังตัวอยู่ในสังคมไทยยังทำให้การคัดเลือกบุคลากรไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความรู้ความสามารถ แต่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัวและผลประโยชน์ ส่งผลให้การบริหารงานขาดประสิทธิภาพและไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง ผลกระทบจากการขาดธรรมาภิบาลและคอร์รัปชันส่งผลเสียต่อประเทศในหลายมิติ ในด้านเศรษฐกิจ ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ลดความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุน และบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในด้านสังคม ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรม เนื่องจากทรัพยากรและโอกาสถูกกระจายไปยังกลุ่มผู้มีอำนาจและเครือข่ายพวกพ้อง ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงบริการและสวัสดิการของรัฐได้อย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะงบประมาณที่ควรนำไปพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกลับถูกรั่วไหลไปกับการทุจริตคอร์รัปชัน “ธรรมาภิบาล” กับ “ต่อต้านคอร์รัปชัน” 2 สิ่งต้องทำควบคู่กัน ธรรมาภิบาล (Good Governance) คือหลักการบริหารจัดการที่ดีที่มุ่งเน้นการสร้างความโปร่งใส ความรับผิดชอบ การมีส่วนร่วม ความคุ้มค่า หลักนิติธรรม และหลักคุณธรรม โดยเป็นแนวทางในการบริหารองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มุ่งให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน สร้างความเป็นธรรมในสังคม และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง World Governance Indicators (WGI) เป็นชุดตัวชี้วัดที่พัฒนาโดยธนาคารโลกเพื่อประเมินคุณภาพการกำกับดูแลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยวัดใน 6 มิติหลัก ได้แก่ การมีสิทธิ์มีเสียงและความรับผิดชอบ เสถียรภาพทางการเมือง ประสิทธิภาพของรัฐบาล คุณภาพของกฎระเบียบ… Read more: แนวนโยบาย (ฉบับย่อ) เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านคอร์รัปชันของประเทศไทย
- สรุปนโยบายและแผนพลังงานของประเทศไทย ตอนที่ 2ร่าง แผนปฏิบัติการด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก, AEDP 2024 (พ.ศ. 2567 – 2580) ทิศทางของนโยบายพลังงานของประเทศไทยเพื่อให้สอดคล้องในด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ได้แก่ การเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานภาคขนส่งเป็นพลังงานไฟฟ้าสีเขียว การปรับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ร่วมกันกับเทคโนโลยีด้านพลังงาน การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ การผลิตไฟฟ้าแบบกระจายตัวและยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า การเปิดเสรีภาคพลังงาน การใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียว การลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้มีการกำหนดเป้าหมายพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกโดยยกระดับสัดส่วนพลังงานการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกต่อการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย 36 % ณ ปี พ.ศ. 2580 โดยค่าเป้าหมายในภาคไฟฟ้า ภาคความร้อนและภาคเชื้อเพลิงชีวภาพตามร่างแผนปฏิบัติการด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2567 – 2580 ดังรูป การเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกในภาคไฟฟ้า ความร้อนและขนส่งนี้มีความสำคัญต่อการนำพาประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ แต่ยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดการผันผวนหรือความไม่แน่นอนรวมทั้งความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นและลดลงของพลังงานทดแทน เช่น การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของยานยนต์ไฟฟ้า ราคาต้นทุนของน้ำมันเชื้อเพลิง การลงทุนที่สูงมากในหลายๆเทคโนโลยีในกลุ่มพลังงานทดแทน และความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงฤดูกาลต่าง ๆ ที่ไม่แน่นอน งานวิจัยที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ที่เหมาะสมต่อบริบทประเทศ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม แรงงาน และสังคม จึงมีความสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการยอมรับเทคโนโลยีการผลิตพลังงานทดแทน ที่ลดผลกระทบต่อการปรับตัวในภาคอุตสาหกรรมและแรงงาน ซึ่งประเด็นการยกระดับความสามารถ (upskilling) ในแรงงานฝีมือเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต เป็นนโยบายของกระทรวง อว ที่สามารถช่วยสนับสนุนแผน AEDP นี้ เช่น อว For EV, อว for AI ตลอดจน หลักสูตร non-degree ต่าง ๆ ที่ช่วยพัฒนาฝีมือแรงงานของไทยในอนาคต ร่าง… Read more: สรุปนโยบายและแผนพลังงานของประเทศไทย ตอนที่ 2
- สรุปนโยบายและแผนพลังงานของประเทศไทย ตอนที่ 1ปัจจุบันพลังงานถือเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจและสังคม และความมั่นคงของชาติ สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศก่อนที่จะมีการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) เป็นแผนระดับที่ 1 โดยได้อาศัยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นแผนหลัก เพื่อเป็นกรอบในการวางแผนปฏิบัติราชการและแผนในระดับปฏิบัติต่าง ๆ นอกจากนี้ แผนระดับที่ 1 จะทำหน้าที่เป็นกรอบสำหรับการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในภาพรวมที่ครอบคลุมการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาประเทศด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน สำหรับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะมีการแบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 6 ด้าน ประกอบด้วย 1. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 2. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน 4. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม 5. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6. ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ สำหรับแผนระดับที่ 2 จะเป็นกลไกที่สำคัญในการถ่ายทอดแนวทางการขับเคลื่อนประเทศในด้านต่าง ๆของยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งประกอบไปด้วย แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) มีสถานะเป็นแผนระดับที่ 2 ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการแปลงยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินงานของภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องสามารถสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติตามกรอบระยะเวลาที่คาดหวังไว้ได้ โดยการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 นี้มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม และสามารถบอกทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนที่ประเทศควรมุ่งในระยะ 5 ปี ได้อย่างรอบด้าน สำหรับการกำหนดทิศทางของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 นี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้ประเทศก้าวข้ามความท้าทายต่างๆเพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยอาศัยหลักการและแนวคิด 4 ประการ ประกอบด้วย 1.หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2.การสร้างความสามารถในการล้มแล้ว ลุกไว 3.เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และ 4.การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว นอกจากนี้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 นี้ยังได้กำหนดหมุดหมายการพัฒนาจำนวนทั้งหมด 13 หมุดหมาย ใน 4 มิติ ประกอบไปด้วย มิติที่ 1 มิติภาคการผลิตและการบริการเป้าหมาย… Read more: สรุปนโยบายและแผนพลังงานของประเทศไทย ตอนที่ 1
- ถ้ายาเสพติดยังไม่หมดไปจากประเทศไทย..แล้วเราจะปลอดภัยจากยาเสพติดได้อย่างไร ?ชวนทำความรู้จักแนวคิด Harm Reduction กับ ผศ.ดร.ปรีชญาณ์ นักฟ้อน ปฏิเสธไม่ได้ว่ายาเสพติดเป็นหนึ่งในปัญหาของสังคมไทย แต่ไม่ว่าเราจะพยายามมากเท่าไหร่ ก็เหมือนว่ายาเสพติดไม่เคยจะหายหรือหมดไปจากประเทศนี้ สรุปแล้วทางออกของปัญหานี้อยู่ตรงไหนกันแน่ สำหรับเรื่องนี้เราได้ไปขอความเห็นจาก ผศ.ดร.ปรีชญาณ์ นักฟ้อน จากภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในฐานะนักวิจัยที่ศึกษาเรื่องปัญหายาเสพติดมาอย่างยาวนาน และผู้เขียนหนังสือ นวัตกรรมเชิงนโยบาย: การลดอันตรายจากยาเสพติด ซึ่งมีความโดดเด่นตรงที่ได้ช่วยเติมเต็มแง่มุมที่ต่างออกไปให้กับแวดวงวิชาการด้านยาเสพติดในไทย ทั้งนี้ ผศ.ดร.ปรีชญาณ์ อยากชวนสังคมพูดคุยแลกเปลี่ยนกันต่อว่าถ้ายาเสพติดยังไม่หมดไป ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องทบทวนท่าทีที่มีต่อปัญหายาเสพติดกันใหม่ Q : ปัญหายาเสพติดมันสามารถมองมิติไหนได้บ้าง A : ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ายาเสพติดมันไม่ใช่ต้นทางปัญหา ยาเสพติดก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพวงจากปัญหาอื่น แต่พอเกี่ยวข้องแล้วมันก็ไปสร้างปัญหาใหม่ เพราะงั้นปัญหายาเสพติดมันเป็นปัญหาเชิงซ้อนที่มันพัวพันค่อนข้างเยอะ เวลารัฐจะตั้งเป้าในอดีตก็เลยมุ่งเน้นกันไปที่การทำสงครามยาเสพติด ซึ่งเป็นกันทั่วโลก คือทำให้มันหมดไป ถ้ามันไม่ดี ทำให้มันไม่มีในโลกใบนี้ ก็จะจบปัญหา ปัญหาที่ผ่านมาในอดีตก็คือสงครามมันไม่เคยชนะ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ยังมียาอยู่ ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ยังมีคนเข้าไปเกี่ยวข้องคนแล้วคนเล่า มันก็เลยเป็นโจทย์ที่คนทั้งโลกต้องมานั่งคุยกันว่าแล้วเรามองปัญหายังไง เราแก้ถูกทางหรือเปล่า สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้เลยก็คือว่า มันอาจจะไม่สามารถทำให้เราเจอสังคมที่เรียกว่าปลอดยาเสพติดได้หรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ตั้งคำถามกันมาหลายปีแล้ว ในเวทีระดับโลกเช่นยูเอ็นเองก็มีการประชุมเพื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ว่าหรือเราควรจะต้องมีวิธีการในการที่จะมองปัญหาหรือว่าแก้ปัญหาใหม่ Q: ถ้าการทำสงครามกับยาเสพติดนั้นมันไม่ได้ผล แล้วเราควรมองปัญหาเรื่องยาเสพติดอย่างไรดี A: ขอชวนมองในมุมที่เขาคุยกันมาแล้วดีกว่านะคะ… Read more: ถ้ายาเสพติดยังไม่หมดไปจากประเทศไทย..แล้วเราจะปลอดภัยจากยาเสพติดได้อย่างไร ?
- ชวนคุยโจทย์การจัดการน้ำเมื่อโลกปรับ ไทยต้องเปลี่ยนกับรศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์รายงานธนาคารโลก (World Bank Group, 2022) รายงานความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศพบว่า ในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงต่อภัยธรรมชาติเป็นอันดับที่ 5 โดยมีความเสี่ยงสูงต่อน้ำท่วม เป็นอันดับที่ 9 เสี่ยงสูงต่อภัยแล้ง เป็นอันดับที่ 29 มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดพายุหมุนเขตร้อน เป็นอันดับที่ 27 ในขณะที่ความสามารถในการรับมือหรือการจัดการน้ำยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก (คิดจากตัวชี้วัด 4 ตัวคือ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์, จำนวนผู้เสียชีวิตจากประชากร 100,000 คน, ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ, ความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดร้อยละของจีดีพี) จากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้สถานการณ์น้ำปัจจุบันมีความแปรปรวน เกิดทั้งน้ำท่วมน้ำแล้งสลับกันไปและรุนแรงมากขึ้น เป็นอีกโจทย์สำคัญที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และทีมห้องทดลองปัญญารวมหมู่ สำนักเครือข่ายฯ ไทยพีบีเอส พาผู้อ่านชวนคุย ทำความเข้าใจเรื่องการจัดการน้ำในสภาวะโลกรวน และเครื่องมือที่จะมาช่วยในการตัดสินใจและรับมือกับสภาวะนี้ในระยะยาวให้ดียิ่งขึ้นกับ รศ. ดร. สุจริต คูณธนกุลวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและประธานคณะกรรมการอำนวยการแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมายด้านสังคม แผนงานการบริหารจัดการน้ำ ทั่วโลกกำลังออกแบบอนาคตด้วย 3 แนวคิดใหม่ : ยั่งยืน หยืดหยุ่น ฉลาด… Read more: ชวนคุยโจทย์การจัดการน้ำเมื่อโลกปรับ ไทยต้องเปลี่ยนกับรศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์
- การปรับตัวรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม-น้ำแล้งด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (Geo-Informatics Technology) หรือ GI เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดภัย ซึ่งได้จากเทคโนโลยีดาวเทียม (Remote Sensing) ระบบดาวเทียมนำร่องโลก (Global Navigation Satellite System: GNSS) และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information system: GIS) บูรณาการทั้งสามส่วนและนำมาใช้ในการเฝ้าระวัง ติดตาม ประเมิน เพื่อนำมาใช้ในการรู้รับปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น และใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากข้อมูลที่ได้มีความทันสมัย มีความถูกต้องและแม่นยำเชิงตำแหน่ง ทำให้สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย ในสภาวะปกติ การเตรียมพร้อมและปรับปรุงข้อมูลเชิงพื้นที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะในแต่ละพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทางธรรมชาติไปเป็นพื้นที่อาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นทำให้มีความสูญเสียเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การติดตามลักษณะของพื้นที่ในภาพรวมจำเป็นต้องใช้ดาวเทียมที่ได้จากเทคโนโลยีอวกาศมาเป็นเครื่องมือหลักในการได้มาของข้อมูลที่สามารถระบุรายละเอียดเชิงตำแหน่งหรือเชิงพื้นที่ได้ ซึ่งข้อมูลนี้สามารถบูรณาการร่วมกับข้อมูลภูมิสารสนเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ นอกเหนือจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินแล้ว ยังสามารถนำมาพัฒนาและต่อยอดการใช้งานเพื่อการบริหารจัดการได้อีกด้วย ดังตัวอย่างเช่น การพัฒนา “แพลตฟอร์มเกษตรเชิงพื้นที่รายแปลงเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก (Dragonfly) หรือ แอปแมลงปอ”[1] ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลทางการเกษตรที่มีการออกแบบให้กับเกษตรกรในระดับรายแปลง ด้วยการใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศที่ความแม่นยำและทันสมัย แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถติดตาม เฝ้าระวัง คาดการณ์ และมีข้อมูลที่ทันสมัยโดยเฉพาะเรื่องสภาพอากาศ ความสมบูรณ์ของดินและพืช เพื่อให้สามารถนำใช้ประกอบการตัดสินใจในการวางแผน และการบริหารจัดการแปลงเพาะปลูกของตนได้อย่างครบวงจรตั้งแต่ก่อนเริ่มปลูกจนถึงการขายผลผลิตของตนสู่ตลาด สิ่งนี้ช่วยให้เกษตรกรลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยบำรุงดินและพืช และลดความเสี่ยงเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำที่เกิดจากผลผลิตล้นตลาดจนเกินไป เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น เทคโนโลยีอวกาศนำมาใช้เป็นข้อมูลหลักในการติดตามสถานการณ์ในภาพรวมทั้งในห้วงระหว่าง-หลังเกิดภัย และใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนและตัดสินใจในภาวะวิกฤต ดังเช่น สถานการณ์น้ำท่วม… Read more: การปรับตัวรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม-น้ำแล้งด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
- ชวนช็อป 7 นวัตกรรมแก้ปัญหาปลาหมอคางดำจากประชาชนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานกองทุนสนับสุนการวิจัย (สกว.) และ สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ ไทยพีบีเอส เล็งเห็นถึงความสำคัญและโอกาสในการติดตามปัญหาและผลกระทบจากปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่รุกราน (Invasive Alien Species) ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ตามแหล่งน้ำต่างๆ กว่า 16 จังหวัด จึงจัดกิจกรรม Hackathon วิกฤตปลาหมอคางดำ : แลเลสาบสงขลา เพื่อระดมความคิดเห็น แนวทางการแก้ไขปัญหาและการจัดการปลาหมอคางดำในประเทศไทย โดยใช้แนวคิด Hackathon มาใช้ ระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน 2567 ณ สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ จังหวัดสงขลา โดยเปิดให้ผู้ที่มีความสนใจจากหลากหลายกลุ่มทั้งนักสร้างสรรค์ นักคิด นักออกแบบมาเข้าร่วมโครงการซึ่งมีทั้งหมดผู้เข้าร่วมกว่า 50 คน แบ่งออกเป็น 7 กลุ่มไอเดียในการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ ทั้งในรูปแบบการสื่อสาร และเครื่องมือการแก้ปัญหา ชวนทุกท่านไปอ่านที่มาที่ไปของไอเดียแต่ละทีมด้วยกัน แพลตฟอร์มที่ช่วยให้คนในชุมชนรอบทะเลสาบได้มีส่วนร่วมกันป้องกันและอนุรักษ์ทะเลสายบอย่างยั่งยืนด้วย Line OA และ Web App ซึ่งจะเน้น 3… Read more: ชวนช็อป 7 นวัตกรรมแก้ปัญหาปลาหมอคางดำจากประชาชน
- Hackวิกฤตปลาหมอคางดำ : แลทะเลสาบสงขลาโครงการจัดประชุมระดมความคิดเห็น แนวทางการแก้ไขปัญหา และการจัดการปัญหาปลาหมอคางดำในประเทศไทย: รักษา/ดูแล ฟื้นฟู “ทะเลสาบสงขลา” ไม่ให้คางดำรุกราน (HACKATHON) การแนะนำ ทะเลสาบสงขลาเป็นทะเลสาบสามน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นทะเลแบบลากูน(แหล่งน้ำตื้น) ที่พบบริเวณชายฝั่งทะเลที่แยกจากทะเลโดยเนินทรายและมีทางออกสู่ทะเลเป็นจุดๆ ถือเป็นเแหล่งน้ำที่มีความสำคัญทางนิเวศวิทยาและเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพที่มีทั้งพืชน้ำและสัตว์น้ำหลายชนิด เนื่องจากเป็นที่ไหลรวมกันของต้นน้ำลำคลองเล็กๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลากจะมีน้ำจืดปริมาณมหาศาลไหลของสู่ทะเลสาบและผลักดันน้ำเค็มออกสู่ทะเลอ่าวไทย ขณะที่ช่วงหน้าแล้งน้ำเค็มจะไหลเข้ามาแทนที่ผสมกับน้ำในทะเลสาบเป็นน้ำกร่อย ทะเลสาบสงขลาสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ทะเลน้อย พื้นที่ประมาณ 27 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลน้ำจืด ความลึกเฉลี่ย 1.2 เมตร มักจะพบพืชน้ำนานาชนิดและป่าพรุขนาดใหญ่ ทะเลหลวง อยู่ถัดจากทะเลน้อย มีพื้นที่ประมาณ 373 ตารางกิโลเมตร ความลึกเฉลี่ยประมาณ 2 เมตรในอดีตเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันถูกรุกจากน้ำเค็มในช่วงหน้าแล้ง ทะเลสาบ อยู่ถัดจากทะเลหลวง มีพื้นที่ประมาณ 360 ตารางกิโลเมตร ความลึกเฉลี่ยประมาณ 2 เมตร มีเกาะมากมายในพื้นที่ และเป็นพื้นที่ผสมผสานของน้ำเค็มและน้ำจืด ทะเลสาบสงขลา เป็นส่วนของทะเลสาบน้ำเค็มที่เชื่อมกับอ่าวไทย พื้นที่ประมาณ 183… Read more: Hackวิกฤตปลาหมอคางดำ : แลทะเลสาบสงขลา